ปรารถนาแห่งฟาโรห์ (ซีรีย์ชุดบัลลังก์ไอยคุปต์)
บทที่ 6
“พวกเจ้าทำงานกันประสาอะไรถึงปล่อยให้เจ้าชายเนเฟอร์ฯ
ยังมีชีวิตอยู่”
มเหสีคูอิแผดเสียงร้องอย่างไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าเสี้ยนหนามชิ้นสำคัญยังทิ่มแทงที่หัวใจของพระนาง ด้วยแรงโทสะทำให้พระนางขว้างปาข้าวของใส่เหล่าทหารที่เข้ามารายงาน เจ้าชายอูเซอร์เคเรส่ายพระพักตร์ไปมาแล้วโบกพระหัตถ์ไล่พวกทหารให้ออกไป
“ใจเย็นพะยะคะเสด็จแม่”
“ข้าจะใจเย็นเหมือนเจ้าได้อย่างไร
แม้ว่าพระนางอิพูร่าจะสิ้นไปแล้วแต่ก็ยังเหลือเนเฟอร์คาเรเป็นเสี้ยนหนามชีวิตของข้า” ไฟโทสะทำให้พระนางขว้างแจกันใส่ศีรษะนางกำนัลจนเลือดออก
“มันไม่รอดได้เสมอไปหรอก”
อูเซอร์คาเรขยับตัวบิดไปมาเหมือนแมวเกียจคร้าน
“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” พระนางส่งเสียงในลำคอ “ทหารเราก็ช่างโง่นัก!
ทั้งที่ครั้งนี้เนเฟอร์คาเรเดินทางกับองครักษ์เพียงสองคนเท่านั้น มันแค่ให้โมตูสวมเสื้อผ้าของมันลวงตาทหารของข้า
แล้วทหารที่แสนโง่ก็หลงทิศไล่ตามผิดคนได้”
“แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเนเฟอร์คาเรอยู่ที่ใด”
มเหสีคูอิถอนพระทัยหนักๆแล้วนั่งลงพระแท่น
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี”
อูเซอร์คาเรปรายตามองไปยังนางกำนัลที่สั่นงันงกเพราะความหวาดกลัวแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“อย่าได้กังวลจนเกินไป
เรายังมีอีกหลายวิธีที่ใช้จัดการกับมันเสด็จแม่โปรดวางพระทัยลูกเถิด”
“เอาเถอะ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถิด” พระนางลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปสวดอ้อนวอนเทพไอซิสให้ความปรารถนาของข้าเป็นจริง”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่”
อูเซอร์คาเรถวายความเคารพต่อพระมารดา เมื่อมเหสีคูอิเสด็จออกจากห้องไปแล้วพระองค์ก็เรียกนางกำนัลสาวที่บาดเจ็บมาใกล้
ชายหนุ่มนั่งบนส้นเท้าแล้วจับปลายคางน้อยๆ ให้เผชิญ หน้า แม้หน้าผากจะมีแผลเป็นทางยาว
แต่เมื่อนางกำนัลสาวได้อยู่ใกล้เจ้าชายหนุ่มรูปงามก็เอียงอายจนแก้มแดงจัด
“เจ็บมากหรือเปล่า”
“มะ...มะ...ไม่...ไม่เพคะ”
“เลือดเจ้าออกมานี่...” อูเซอร์ประคองร่างอวบอิ่มทุกสัดส่วนขึ้นยืนแล้วพาเดินมาที่เก้าอี้ยาวใหญ่สำหรับเอนนอนพักผ่อน
“หม่อมฉัน หม่อมฉัน...” นางกำนัลสาวอึกอักและยิ่งมองไปเพื่อนนางกำนัลหายไปหมดแล้วยิ่งทวีความเขินอายมากยิ่งขึ้น
“ข้าจะให้หมอหลวงมาทำแผลให้เจ้าดีไหม” ลมหายใจร้อนๆ
เป่ารดเนียนแก้มพลางโอบกระชับร่างนุ่มนิ่มเข้ามาเบียดชิดอกกว้างที่เปลือยเปล่า
“เป็นพระกรุณากับหม่อมฉันเหลือเกินเพคะ” กว่าจะหาเสียงตนเองเจอก็แทบละลายไปกองกับพื้น
เธอไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
“ข้าดีกับเจ้าใช่ไหม” ดวงตายาวรีมีแววเจ้าเล่ห์และลิ้นร้อนๆ
ก็ระคายอยู่ที่ใบหูของอีกฝ่าย
“ดะ...ดะ...ดี...เพคะ” นางกำนัลสาวสั่นสะท้านขยับตัวไปมาอย่างร้อนรุ่มเหมือนมีกองไฟเผาไหม้อยู่ในอก
“ถ้าข้าดีกับเจ้า...เจ้าก็ต้องดีกับข้า...”
ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้นมือใหญ่ยังเลื่อนผ่านยอดอกที่ชูชันรับสัมผัสร้อนๆ
นางกำนัลสาวกัดฟันแน่นไม่ให้เสียงครางของตนเล็ดลอด แต่ยิ่งนางพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาของตนเอง อูเซอร์คาเรก็ยิ่งโจมตีนางด้วยการนวดเฟ้นที่เนินเนื้อนุ่มมือจนร่างนางสั่นเร่าไปมาจนขาเรียวที่เคยหนีบแน่นแยกออกเปิดกว้างอย่างเชิญชวนไม่รู้ตัว
มือใหญ่ยังคงเลื้อยไปตามจุดสัมผัสที่ปลุกไฟให้โหมไหม้ นิ้วมือสอดเข้าไปแตะต้องปุ่มที่บวมเป่งอยู่ภายใน
นางร้อนฉ่าจนต้องกัดชายผ้าเพื่อไม่ให้เสียงร้องลอดผ่าน แต่กระนั้นมือใหญ่ก็ยังกระแทกกระทั้นอย่างสนุก
ความทรมานที่นางกำนัลสาวได้รับเป็นความหฤหรรษ์ของเขา
นางคิดว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดแล้วเมื่อเจ้าชายถอดพระหัตถ์ออกจากส่วนลี้ลับของนาง ทว่าอูเซอร์คาเรกลับพลิกตัวนางให้หันหลังแล้วกดแก่นกายกระแทกใส่อย่างรุนแรง
ไม่สนใจเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดของนางมือที่จับสะโพกเพื่อรับพลังมหาศาลของเขาเลื่อนมาจับที่ลำคองามระหง
มือเรียวเล็กของนางพยายามจะแกะมือของเขาออกเพื่อจะได้อากาศหายใจ แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่นางก็รู้สึกทรมานมากขึ้น
ดวงตาเหลือกโปนแทบทะลักเสียง
กร๊อก!
ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวคอนั้นก็พับผิดรูป
และไร้การดิ้นรนอีกต่อไป
“บอบบางเหลือเกิน”
อูเซอร์คาเรสบถหยาบอีกหลายคำก่อนจะเหวี่ยงร่างที่ไร้วิญญาณทิ้งพื้นราวเศษซากสวะที่ไร้ค่า
เจ้าชายคว้าผ้าผืนหนึ่งเช็ดคราบเมือกที่เลอะกายก่อนใช้เท้าเขี่ยนางกำนัลที่บัดนี้กลายเป็นศพไปแล้ว
“ใครอยู่ข้างนอกบ้างมาเก็บกวาดเศษขยะหน่อย”
นางกำนัลรีบเข้ามาตามคำรับสั่ง
เจ้าชายอูเซอร์คาเรเดินผิวปากอารมณ์ดีออกจากพระตำหนักของเสด็จแม่ แต่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของนางกำนัล
อูเซอร์คาเรหัวเราะออกมา
‘ฆ่าคนนะหรือ? เรื่องงานนิดเดียวเท่านั้น แต่ฆ่ายังไงให้สนุกต่างหากที่ตื่นเต้นมากกว่า’
‘เจ้าลูกสิงโตตัวนี้เป็นของข้า’
อูเซอร์คาเรในวัยสิบขวบประกาศด้วยน้ำเสียงกร้าว วันนี้ฟาโรห์เตติพาโอรสทั้งสองออกไปล่าสัตว์
ด้วยพระปรีชาทำให้พระองค์สังหารสิงโตเพศเมียตัวหนึ่งได้ ทว่ามันมีลูกอ่อนอยู่หนึ่งตัวแม้จะเป็นสิงโตอายุราวขวบปีแต่มันก็ปกป้องร่างไร้วิญญาณที่มีลูกธนูหลายสิบดอกฝังอยู่บนร่าง
‘ถ้าเจ้าคิดว่าสามารถควบคุมมันได้’
ฟาโรห์เตติรับสั่ง ทำให้เจ้าชายอูเซอร์คาเรรีบกระโจนเข้าไป แต่เจ้าสิงโตน้อยขู่คำรามเข้าใส่อย่างไม่หวาดกลัว
และตั้งท่าจะทำร้ายเจ้าชายอูเซอร์คาเร
‘ข้าเจ้าชายอูเซอร์คาเรผู้เป็น....เหวอออออ’
ยังไม่ทันที่เจ้าอูเซอร์คาเรจะประกาศความเป็นเจ้าของเจ้าสิงโตน้อยก็กระโจนเข้าใส่
เหล่าทหารรีบเข้าล้อม แต่ไม่มีใครกล้าลงมือเพราะสิงโตตัวนั้นได้เหยียบอยู่บนร่างที่นอนหงายของเจ้าชายอูเซอร์คาเร
แส้หนังสีดำทะมึนฟาดลงพื้นอย่างแรง เจ้าสิงโตถึงกับชะงักและถอยหลังไปหนึ่งก้าว เจ้าชายเนเฟอร์คาเรก้าวเดินอย่างสง่างาม ดวงเนตรที่เต็มไปด้วยความจริงจังจ้องเขม็งไปยังสิงโตน้อยตัวนั้นจนมันถอยหลังไปทีละน้อย
และหมอบลงอย่างเงียบๆ ยอมให้เนเฟอร์คาเรลูบแผงของมันเบาๆ
‘ข้า...เจ้าชายเนเฟอร์คาเรจะเป็นเจ้าชีวิตของเจ้าตลอดไป’
อูเซอร์คาเรขบฟันด้วยความโกรธแค้นแต่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกไปได้
เมื่อกลับมาถึงวังของตนนางกำนัลหลายคน พยายามเข้ามาปลอบประโลมเพื่อให้เจ้าชายคลายความตึงเครียด
‘ทำไม! ทำไมมันถึงได้ในสิ่งที่ปรารถนาทุกครั้งไป’
‘พระทัยเย็นๆ
เพคะเจ้าชายอูเซอร์คาเร’
‘เย็นเรอะ ข้าเย็นไม่ไหวแล้วนะ’
อูเซอร์คาเรหยิบกริชที่แหนบข้างเอวขึ้นจ้วงแทงนางกำนัลผู้โชคร้ายไม่ยั้งมือ
แม้จะมีเสียงร้องขอชีวิตของนางกำนัลคนนั้นจนนางสิ้นลม และไม่มีใครกล้าเข้าขวางเจ้าชายเลยแม้แต่คนเดียว
มือเล็กยกขึ้นเช็ดคราบเลือดที่เรอะแก้ม
อูเซอร์คาเรในวัยสิบขวบเพิ่งเคยสัมผัสเลือดจากมนุษย์เป็นครั้งแรก และนั่นทำให้เขารู้สึกว่าไฟโทสะที่เผาไหม้จิตใจลดลง
การฆ่าคนช่างทำให้เขารู้สึกดีเหลือเกิน
‘ลากเอาเศษสวะไปทิ้งอย่าให้กลิ่นเหม็นเน่าของมันคลุ้งในวังของข้า’
และนับตั้งแต่นั้นการปลิดลมหายใจคนเป็นความหรรษาอย่างหนึ่งของเจ้าชายอูเซอร์คาเรพระอนุชาต่างมารดของเจ้าเนเฟอร์คาเรผู้รั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งอียิปต์.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น