หนีฉันไม่พ้นแล้วล่ะคุณสามี
“ไม่เคยนึกว่าหลังบ้านหลังนี้จะร่มรื่นขนาดนี้”
โบตั๋นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ชายชราวัยเจ็บสิบเอ่ยพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาวลุกขึ้นจากเปลญวนแล้วยิ้มเขิน
“ไม่รู้เจ้าของบ้านเขาจะว่าอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมละ ออกจะสวยแถมได้ประโยชน์ด้วย นี่ผักและพืชสมุนไพรไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะคุณปู่” โบตั๋วเดินมาที่แปลงผักใกล้ๆ “พริก,กะเพรา,โหรพา ผักที่ใช้ในครัวเป็นประจำ ปลูกง่ายโตไวไม่กี่สัปดาห์ก็นำมาปรุงอาหารได้แล้ว ส่วนตะไคร้นี่นอกจากจะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรแล้วยังสามารถช่วยไล่ยุงให้ด้วยค่ะ”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ” ชายชราเอ่ยชมด้วยแววตาจริงใจ “คนบ้านนี้ก็แปลกไม่เห็นใครคิดจะทำอะไรแบบนี้เลย”
“อาจจะมีคนคิดแต่ไม่กล้าทำก็ได้ค่ะ” โบตั๋วไหวไหล่น้อยๆ “หนูอยู่ที่นี่จะสามอาทิตย์แล้วยังเจอเจ้าของบ้านไม่ครบทุกคนเลยค่ะ”
“แสดงว่าหนูเป็นคนมือเย็นปลูกต้นไม้ขึ้น”
ยังไม่ทันที่โบตั๋นจะพูดอะไรต่อเสียงเอะอะก็ดังมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่เธอหันมาทางชายชราท่าทางใจดีอีกครั้งเหมือนกับจะขอให้ช่วยไขความสงสัย
“สงสัยพวกคุณๆ บ้านใหญ่จะกลับมาแล้ว” ชายชราเอ่ยโดยไม่รอคำถาม
“เสียงดังแบบนี้แสดงว่ามากันครบทั้งบ้านแล้วมั้งคะ” โบตั๋นพูดขำๆ “หนูขอตัวขึ้นตึกก่อนนะคะคุณปู่ ว่างๆ มาคุยกันใหม่นะคะหนูอยู่นี่ไม่ค่อยได้พูดคุยกับใครเลยนอกจากต้นไม้ใบหญ้าพวกนี้”
“ไปเถอะ ยังไงเราก็ได้เจอกันบ่อยแน่ๆ”
โบตั๋นยกมือไหว้ลาแล้วรีบก้มเก็บไอแพดกับเอกสารที่วางไว้ขึ้นแนบอกแล้วเดินเร็วๆไปที่ตึกใหญ่ “คุณๆ” ทั้งหลายจะอยากเจอเธอหรือเปล่าเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่เธอจำเป็นต้องแสดงตัวให้ทุกคนในบ้านได้รู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่และจะได้เริ่มทำงานที่รับปากไว้กับคุณยายเสียที
“นี่มันยังไงก็เนี้ย! ใครสั่งให้ทำอะไรกับบ้านฉันฮ่ะ! ฉันบอกให้กำจัดบิลบ้าๆ พวกนี้ต่างหากไม่ใช่มายุ่งอะไรในบ้านฉันแบบนี้!”
โบตั๋นสะดุ้งแต่เก็บอาการอยู่ แม้จะเตรียมตัวและเตรียมใจรับสถานการณ์นี้มาบ้างแล้ว แต่พอตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งบ้านก็ทำให้เธอประหม่าและโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน ใบหน้าสวยเชิดขึ้นแล้วเดินหลังตรงเข้าไปอย่างไม่สนใจสายตาที่จ้องมองอยู่ มันเป็นช่วงเวลาที่เธอรอคอยแม้ว่าต้องเผชิญตามลำพังก็ตาม
“ดิฉันเป็นคนจัดการเองค่ะ”
โบตั๋นเอ่ยขึ้นแล้วกวาดสายตามองทุกคนที่กำลังมองเธอ หญิงรับใช้สองคนนั่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าปริปากอะไร คุณชายปภพนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เขาปรายตามองเธอแล้วถอนหายใจเบาๆ ส่วนหญิงวัยไล่เลี่ยกันยืนกอดอกเชิดหน้ามองไปอีกทางคือคุณหญิงอมราพร มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า กระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลายใบยังสงบนิ่งตรงพื้นแสดงว่าทุกคนเพิ่งกลับจากการเดินทาง แต่อีกคนที่ไม่ได้ออกทริปด้วยยังไม่กลับเข้ามาเลย หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง คุณชายปภพยิ้มให้เพียงเล็กน้อยในขณะที่คุณหญิงอมราพรไม่รับไหว้ซ้ำยังกรีดนิ้วชี้หน้าใส่โบตั๋นอีกต่างหาก
“แกถือดียังไงมาทำอะไรบ้านฉันแบบนี้!!”
“ก็ไม่ได้ถือดียังไงหรอกค่ะ” โบตั๋นฉีกยิ้มกว้าง “แต่ดิฉันคิดดีแล้วว่าควรปรับปรุงใช้พื้นที่ในบ้านให้เป็นประโยชน์ ถ้าคุณหญิงจะสละเวลาเยี่ยมชมก็จะเห็นได้ว่าด้านนอกเราทำแปลกผักสำหรับปลูกผักกินเองในครอบครัวส่วนในบ้านก็ปรับเรื่องการจัดวางเล็กน้อย เพิ่มแสงสว่างโดยไม่ต้องเปิดไฟให้เปลืองไฟฟ้า แถมอากาศยังถ่ายเทได้สะดวกอีกต่างหากและยังมี...”
“พอแล้วๆ” คุณหญิงอมราพรกระทืบเท้าไม่พอใจเหมือนเด็กๆ “ใครให้เธอมาต่อปากต่อปากต่อคำแบบนี้นะ”
โบตั๋นทำตาโตอ้าปากค้าง “ก็คุณหญิงถามมาดิฉันก็ตอบไปนี่คะ แถมยังพูดไม่จบคุณหญิงก็สวนกลับเสียก่อนแล้ว”
“นี่! ฉันพูดไปเมื่อกี้มันเข้าหูซ้ายออกหูขวาหรือไงยะ ยังจะมาเถียงฉันอีก”
“ดิฉันไม่ได้เถียงนะคะแค่พูดด้วยเหตุผล”
“หุบปากของเธอเดี๋ยวนี้นะ” คุณหญิงอมราพรแทบจะร้องกรี๊ดๆ “อย่างนี้ละซิถึงหาสามีไม่ได้ต้องมาจับลูกชายฉัน!”
คุณชายปภพก็ลุกขึ้นมาจับไหล่ภรรยาเบาๆ เหมือนจะปรามกัน แต่ดูทางท่าเอาแต่ใจของคุณหญิงอมราพรแล้วงานนี้เธอคงต้องเหนื่อยครบสูตรแม่ผัวกับลูกสะใภ้แน่ๆ
“เบาๆ น่าคุณ...ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ ยังไงหนูคนนี้เขาก็มาเป็นสะใภ้บ้านเราแล้ว”
“สะใภ้บ้านนอกฉันไม่ยอมรับหรอกนะ” คุณหญิงเบ้ปาก “ที่ยอมให้เข้าบ้านก็เพราะคุณพ่อท่านต่างหากล่ะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วพยายามข่มอารมณ์ของตนเอง ยังไม่ทันที่เธอจะโต้อะไรออกไปชายชราท่าทางใจดีก็เดินเข้ามาในห้อง
“แล้วทำไมล่ะแม่อมราพร” เสียงชายชราเอ่ยด้วยความเหนื่อยใจ “แล้วเธอมีปัญญาจัดการบิลที่ขยำทิ้งตรงนั้นได้ไหมละ”
“คุณพ่อค่ะ”
คุณหญิงอมราพรทั้งโกรธทั้งอายเธอจำเป็นและจำใจต้องรับสะใภ้ที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาคนนี้ได้เลยเพราะเหตุผลเรื่องการเงินทั้งนั้น และแน่นอนว่าเธอให้ใครรู้ไม่ได้เลยว่าเธอกำลังถังแตกจนต้องยกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้แต่งงานกับผู้หญิงหน้าจืดๆ คนนี้
“เอาล่ะๆ ถ้าเธอไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้และใช้จ่ายอย่างที่เคยชินมือมา ก็ทำตัวดีๆกับหนูโบตั๋นเขาหน่อย”
“คุณปู่” โบตั๋นอ้าปากค้างไม่คิดว่าคุณปู่ท่าทางใจดีที่พบเมื่อครู่จะเป็น หม่อมเจ้ารัชพล เบญจมหาทรัพย์ หญิงสาวรีบยกมือไหว้อีกครั้ง
“ไม่ต้องไหว้บ่อยนักหรอก” ชายชรายิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “อยู่กันพร้อมหน้ากันแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้คุยกันให้จบเสียที”
“แล้วเจ้ากาลไม่อยู่รึ” ท่านรัชพลส่ายหน้าไปมา
ไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงโปร่งของศีตกาลก็ก้าวเข้ามาในบ้าน เขาผงะไปเล็กน้อยยิ่งเจอสายตาที่แทบจะลุกเป็นเปลวเพลิงของผู้เป็นแม่ก็ได้แต่แอบถอนหายใจ
“หายไปไหนมาเจ้ากาล ปล่อยให้ผู้หญิงบ้านนอกคอกนาทำบ้านเสียเลอะเทอะไร้รสนิยมอย่างนี้”
“โธ่แม่...มาถึงก็บ่นเชียว”
ศีตกาลปรายตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาส่ายหน้าไปมากับแม่สาวกะโปโลคนนี้ ดูแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าซิ! เด็กรับใช้ยังแต่งตัวได้น่ามองกว่าเป็นไหนๆ นี่ถ้าใครเข้ามาเจอคงแยกไม่ออกว่าใครเป็นคนรับใช้ใครเป็นภรรยาของเขา แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันเขาก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้
มันน่าอายจะตายไปที่ได้ผู้หญิงเชยๆ มาเป็นภรรยา จะพาไปอวดใครก็ไม่ได้ มีดีอย่างเดียวคือเงินถัง!
“เอาละ มานั่งคุยกันดีๆ” ท่านรัชพลเรียกให้ทุกคนนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ท่านโบกมือไล่คนรับใช้ไม่ให้เข้ามาใกล้ โบตั๋นกับศีตกาลนั่งที่โซฟาตัวยาว แม้จะนั่งข้างกันแต่เหมือนมีระยะห่างที่แสนไกล
“เรื่องที่หนูโบตั๋นเข้ามาอยู่บ้านนี้เพราะอะไรนั้น ฉันคงไม่ต้องพูดแล้วนะ” ท่านวัชรพลพูดย้ำให้อมรพรซึ่งนั่งหน้าตึงเข้าใจ “หนูโบตั๋นอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของเจ้ากาล เป็นสะใภ้ของบ้านนี้ อย่าคิดรังแกเธอเด็ดขาด ถ้าฉันรู้...พวกเธอถูกตัดออกจากกองมรดกแน่”
“คุณพ่อพูดเหมือนจะไม่อยู่บ้าน” คุณปภพถามอย่างแปลกใจ “คุณพ่อเพิ่งกลับมาจากรักษาตัวนี่ครับ จะไปไหนอีกหรือครับ”
“พ่อเหนื่อยกับเรื่องในบ้านนี้เต็มทีแล้ว ได้หนูโบตั๋นมาช่วยแบบนี้แล้วสบายใจ พ่ออยากจะเข้าวัดปฏิบัติธรรม”
“คุณพ่อไว้ใจยัยเด็กคนนี้หรือคะ” อมราพรจิกตามองอีกฝ่าย
“พ่อไว้ใจเด็กคนนี้มากกว่าเธอก็แล้วกัน” ท่านวัชรพลส่ายหน้าไปมา “เจ้ากาลก็เหมือนกัน ดูแลน้องดีๆอย่าทำให้น้องต้องลำบากใจ ถึงยังไงก็เป็นสามีภรรยากัน ต้องช่วยเหลือกันเข้าใจไหม”
“ครับคุณปู่” ศีตกาลรับคำอย่างเสียไม่ได้
“เรื่องการเงินในบ้านนี้ หนูโบตั๋นจะเป็นคนจัดการทั้งหมด ที่ผ่านมาฉันปล่อยพวกเธอดูแลกันเองก็เห็นแล้วว่ามันล้มเหลวไม่เป็นท่า”
“เรื่องบริษัทด้วยหรือครับคุณพ่อ”
“ใช่...โดยเฉพาะเรื่องในบริษัท โบตั๋นจะเข้าไปบริหารจัดการฟื้นฟูกิจการใหม่ทั้งหมด”
“อะไรนะคะคุณพ่อ” อมราพรแทบจะร้องกรี๊ดออกมา “ให้เด็กคนนี้ไปบริษัทไม่ได้หรอกค่ะ คนอื่นก็รู้หมดซิค่ะ”
“ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็ไปในฐานะภรรยาของเจ้ากาลมันไง”
ศีตกาลหันมามองโบตั๋น เขาไม่อยากเห็นหน้าเธอสักเท่าไหร่จึงไม่กลับเข้าบ้านมาหลายวันแต่พอเจอแบบนี้เข้าก็คงหนีไม่พ้นแล้วแน่ๆ
“เอาล่ะ ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเธอมีอะไรต้องทำอีกเยอะ” ท่านวัชรพลโบกมือไล่ “จำไว้ว่าใครห้ามรังแกโบตั๋นเด็ดขาด”
“ขอบคุณค่ะ” โบตั๋นยกมือไหว้ผู้ใหญ่คนเดียวที่ให้ความเอ็นดูเธอ
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอที่ยอมมาอยู่บ้านหลังนี้มาช่วยพ่อกาลเขาน่ะ”
ศีตกาลลุกฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน เขาสบตากับผู้เป็นแม่ที่นั่งกัดฟันอย่างไม่พอใจนัก เขาเองก็ไม่ต่างกันแต่ทำอะไรไม่ได้
เรื่องเงินเท่านั้นแหละที่เขาต้องอดทนรับสาวบ้านนอกมาเป็นเมียเขาไม่อยากคิดถึงวันพรุ่งนี้ที่แสนยุ่งเหยิงเลย แล้วร่างสูงก็สะดุ้งเมื่อโบตั๋นคล้องแขนชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วฉีกยิ้มกว้าง
“หนีฉันไม่พ้นแล้วล่ะคุณสามี”.
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น