คุณหมอจอมบงการ (ซีรีย์ชุดจอมใจจอมบงการรัก)
ตอนที่ 4
ดารัณอยากจะหมุนตัวกลับซ่อนความเจ็บปวดไว้ไม่ให้ใครเห็น
แต่เท้าทั้งสองข้างก็เหมือนถูกหมุดตอกตรึงให้ก้าวไปไหนไม่ได้ ชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีท่าทางดีใจเลยสักนิดผิดจากเธอที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถนานหลายนาทีไม่อยากให้เขาเห็นกิริยาไม่งาม
แต่พอได้เจอเขากลับกลายเป็นความเย็นชาจนเธอปวดใจ เขาเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงเดินเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมสะอาด เขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ เธอเผลอคิดไกลจนใบหน้าหวานแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว
“ไม่เจอกันนานนะ”
“ค่ะ” ดารัณตอบรับอย่างรวดเร็ว เธอสลัดความคิดชวนวาบไหวของตนเองออกแล้วคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้เขา
“พี่ธันก็ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะคะ”
“งานยุ่งนะครับ” เขาพูดเหมือนแก้ตัว
“พี่ธันจะออกไปไหนหรือเปล่าคะ” ดารัณถามเพราะเห็นเขายืนอยู่หน้าบ้าน
ธันวาส่ายหน้าไปมา
“แค่จะเดินเล่นเสียหน่อย”
“งั้นมิ้นต์เดินเล่นด้วยคนนะคะ” ดารัณเสนอตัว
แต่เมื่อเห็นดวงตาหลังแว่นตาของเขามีแววประหลาดใจก็รีบก้มหน้าลง “มิ้นต์ขอโทษค่ะ
พี่ธันคงอยากได้ความเป็นส่วนตัว”
“ไม่เป็นไร แค่เดินเล่นรอบๆ บ้านเอง” เขาพยักหน้าแล้วเดินนำไปด้านหนึ่งของบ้าน
พี่ชายคนโตปรับสวนย่อมให้มีน้ำตกขนาดเล็กและบ่อปลาน่ารัก ช่วยให้บ้านร่มรื่นและยังเหมาะกับการจิบน้ำชา-กาแฟหรือนั่งอ่านหนังสือรวมทั้งเป็นที่เล่นของลูกทั้งสองด้วย
“ไม่ได้กลับบ้านแค่ไม่กี่เดือน บ้านดูเปลี่ยนไปเยอะ” ธันวาพึมพำกับตัวเองพลางขยับแว่นสายตาชิดใบหน้า
“ใครว่าไม่กี่เดือนละค่ะ
ตั้งปีกว่าแล้วนะคะ” ดารัณแย้ง
“จริงเหรอ” เขาขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจนัก
“จริงๆ ค่ะ
พี่ธันกลับมาที่บ้านนี้ครั้งล่าสุดก็สิบสี่เดือนที่แล้ว” ดารัณกรอกตา
“ไม่นับที่มากรุงเทพฯ แบบผลุบๆ โผล่ๆ แล้วไม่ยอมเข้าบ้านนะคะ”
ธันวาหยุดเดินแล้วหันมามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ
อย่างประหลาดใจ “รู้ด้วยเหรอ?”
“ค่ะ แต่คุณหญิงแม่ไม่ทราบหรอก” ดารัณยิ้มนิดๆ
“พี่ธันน่าจะกลับมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ นะคะ ระยะหลังมานี่ท่านไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่”
“คุณแม่เป็นอะไร” เขาถามเริ่มกังวลบ้าง ตัวเองเป็นหมอแท้ๆ
แต่กลับไม่ได้ดูแลแม่ตัวเอง
“ท่านเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย งานเลี้ยงอะไรท่านก็ไม่ได้ไปเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะคะ”
“ไม่มีใครพาท่านไปตรวจร่างกายบ้างเลยหรือไง”
เขาขมวดคิ้ว
“ก็ท่านไม่ยอมไปนี่คะ พี่ธันกลับมารอบนี้ก็สละเวลาดูแลท่านสักนิดเถอะค่ะ”
คำพูดของคู่หมั้นที่ธันวาแทบจำหน้าไม่ได้ทำให้เขาสะอึก ใบหน้าสวยเชิดขึ้นมองเขาอย่างไม่หลบสายตาเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขาจำได้ถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่แม่ของเขารักนักรักหนาเพราะความที่แม่อยากได้ลูกสาวมาแต่ไหนแต่ไร
พอวันที่คุณแพรว-เพื่อนรักสมัยเรียนโรงเรียนประจำพาเด็กหญิงตัวน้อยมาหา แม่เขาแทบจะจะขอเป็นลูกสาวในทันที แต่เพราะดารัณเข้ามาทำให้เขาหลุดรอดสายตาของแม่
เขาได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำง่ายขึ้น แม่ของเขารักดารัณมากแต่เขาก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดหมั้นหมายให้
หากนั้นไม่ใช่เพราะคำขอร้องสุดท้ายของคนใกล้ตาย เขาคงไม่รับปากรับหมั้นกับดารัณแน่ๆ
ยุคนี้สมัยนี้แล้วยังจะมีคลุมถุงชนอีกหรือ?
แต่ตอนนั้นเขาปฏิเสธไม่ได้ทำให้ต้องรับหมั้น เขาคิดว่าไม่นานเด็กสาวคนนั้นก็คงเติบโตและเข้าใจอะไรๆ
มากขึ้น เธอก็คงมีหนทางของตัวเอง มีคนรักของตัวเองแล้วถึงตอนนั้นเธอคงเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นจากเขาเอง
ไม่คิดว่าเธอจะยังคงสวมแหวนวงนั้นมานานหลายปีอย่างนี้
ชายหนุ่มหมุนกลับมายืนมองหญิงสาว ดวงตาหลังแว่นตาหรี่มองคนตรงหน้าแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้
“อายุเท่าไหร่แล้วนะเรา”
“ยี่สิบเจ็ดแล้วค่ะ” ดารัณออกจะประหลาดใจกับคำถาม
“เราหมั้นกันมากี่ปีแล้ว”
“เก้าปีค่ะ”
หญิงสาวยิ้มทั้งปากและดวงตา แววตาเธอเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อเขาและซื่อสัตย์กับเขามาตลอด
ชายหนุ่มพยักหน้า ดารัณไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กๆ
คนเดิมอีกแล้ว และไม่ใช่เด็กสาวที่เขาเคยจับมือและให้ขึ้นขี่หลัง เวลานี้เธอเติบโตเป็นหญิงสาวสวยเพียบพร้อมไปทุกอย่าง
น่าแปลกใจที่เธอยังยึดมั่นกับการหมั้นที่เธอก็รู้ว่าทำไปเพราะอะไร
เขาขยับเท้าเข้าไปใกล้จนเกือบชิดหญิงสาว
เอื้อมมือจับมือซ้ายของหญิงสาวที่สวมแหวนวงเล็กที่นิ้วนาง เขาคลึงฝ่ามือของเธอเบาๆ
แต่หญิงสาวหายใจติดขัดกับการกระทำของเขาจนแทบลืมหายใจ
“ดารัณ...”
“คะ”
“เราเลิกกันเถอะ”
ประโยคที่หญิงสาวได้ยินทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
เธอเงยหน้ามองเขาตาไม่กระพริบจ้องมองใบหน้าคมเข้มอย่างจะเค้นหาคำตอบ เธอหูแววไปใช่ไหม? เธอฟังผิดไปใช่หรือเปล่า? เขาไม่พอใจอะไรทำไมถึงพูดแบบนี้ในสมองของดารัณเต็มไปด้วยคำถาม
เธอไม่ได้เตรียมใจมาเจอเรื่องแบบนี้ ร่างเล็กถึงกับผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวและเหมือนจะไร้แรงทรงตัว
มือใหญ่ที่ว่างอีกข้างเอื้อมมาประคองเธอไว้ก่อน
ยังไม่ทันทีทั้งสองจะเอ่ยอะไรสาวใช้ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทางคนทั้งคู่
“แย่แล้วค่ะคุณธันวา”
“เกิดอะไรขึ้น” ธันวาขมวดคิ้ว
“คุณหญิงเป็นลมค่ะ”
“คุณแม่” ดารัณอุทาน
ทั้งสองผละจากกันแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในบ้าน พี่ชายคนโตประคองมารดาให้นอนบนโซฟา
เด็กชายหญิงสองคนยืนมองอย่างตกใจ ดารัณเข้าไปกอดเด็กทั้งสองให้ถอยออกห่างออกมา ธันวารีบเข้าไปตรวจดูอาการเบื้องต้น
สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“พาคุณแม่ส่งโรงพยาบาลด่วน”.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น