คุณหมอจอมบงการ (ซีรีย์ชุดจอมใจจอมบงการรัก)
ตอนที่ 5
ดารัณนั่งประสานมือนิ่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
สำหรับเธอแล้วคุณหญิงเพ็ญแขก็เป็นเสมือนแม่คนที่สองของเธอเลยทีเดียวโดยเฉพาะตั้งแต่แม่ของเธอเสียไป
คุณหญิงดูแลเธอราวกับเป็นลูกสาวไม่ว่าเธอมีเรื่องทุกข์ใจอะไร ท่านก็เป็นที่ปรึกษาของเธอเสมอ
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ ดารัณเงยหน้าเมื่อประตูห้องเปิดออก
เธอเห็นแพทย์ดูแลคุณหญิงเพ็ญแขออกจากห้องตรวจคุณกรกฎและภรรยารวมทั้งธันวาก็รีบก้าวเข้าไปสอบถามอาการ
“คุณหญิงมีเนื้องอกในสมองระดับ1”
“อะไรกัน เป็นไปได้ยังไง” เสียงลูกชายคนโตพูดอย่างหัวเสีย
เขาอยู่ใกล้ดูแลท่านทุกวันแต่กลับไม่รู้ว่าแม่ป่วยหนักถึงขั้นนี้
“ระดับ1” ธันวาพึมพำ “ถ้าอย่างนั้นเราก็รักษาได้นี่”
“ใช่ครับเป็นเนื้องอกชนิดที่ไม่ร้ายแรง
ก้อนเนื้องอกเติบโตช้า ไม่แพร่กระจาย และสามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าคนไข้ให้ความร่วมมือด้วยนะครับ”
“หมายความว่ายังไง” คราวนี้สองพี่น้องหันมามองกันอย่างงุนงง
“จริงๆ คุณหญิงทราบอยู่ก่อนแล้ว
แต่ท่านไม่ยอมรักษาด้วยการผ่าตัด”
หัวใจดารัณเหมือนหยุดเต้นไปที่ได้ยินคุณหมอพูดแบบนั้น
เธอเป็นคนพาคุณหญิงเพ็ญแขมาโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่มาก็เหมือนกับมาตรวจงานที่โรงพยาบาลซึ่งมันก็เป็นปกติที่เคยเป็นมา
แต่เธอไม่รู้เลยว่าท่านเจ็บป่วยและท่านรู้อาการของตนเองมาตลอด
“เราเข้าเยี่ยมได้แล้วใช่ไหม?” ธันวาถามหมอเจ้าของไข้ของคุณหญิงเพ็ญแข
“เชิญครับ” คุณหมอเบี่ยงตัวให้ญาติเข้าไปในห้อง
หมอหนุ่มมองร่างบอบบางของดารัณแล้วเดินเข้ามาใกล้ เขาเจอเธอบ่อยๆ
และรู้ฐานะของเธอเป็นอย่างดี “คุณหญิงอยากพบคุณด้วยครับ คุณมิ้นต์”
“ค่ะ”
ดารัณแทบไม่มีแรงจะก้าวเท้าออกไป ใบหน้าหวานซีดเซียวจนน่าสงสาร คุณหมอยื่นมือมาแตะข้อศอกเธอเบาๆ
หญิงสาวรู้สึกตัวแล้วยิ้มบางๆ แทนการขอบคุณที่เขาช่วยเรียกสติเธอ
กิริยาของเธอกับคุณหมออยู่ในสายตาของธันวาแต่เขาไม่มีใจจะจับผิดอะไรตอนนี้
“คุณแม่” กรกฎและแววดาวภรรยาของเขา
เดินเข้าไปข้างเตียงของมารดาที่ลืมตามองลูกๆ
“ไม่ต้องโทรไปบอกเจ้าเมษหรอกนะ” นางหมายถึงลูกชายคนกลางที่อยู่ลอนดอน
“คุณแม่ไม่สบายทำไมไม่บอกพวกเราละครับ” ลูกชายคนโตตัดพ้อ
แต่สายตาคนเป็นแม่มองเลยไปยังลูกชายคนเล็กที่ยืนนิ่งอับจนถ้อยคำ แน่นอนเพราะเขาเป็นหมอแต่ไม่ได้ดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดมันทำให้เรารู้สึกแย่มากจนหาคำมาก่นด่าตัวเอง
“คุณแม่ต้องผ่าตัดนะครับ” ธันวาพูดเสียงเครียด
แต่มารดากลับหัวเราะเสียงแหบออกมา
“กล้าสั่งฉันแล้วเรอะ”
“ผมไม่ได้สั่ง” ลูกชายคนเล็กไม่ตลกกับคำพูดของมารดา
“คุณแม่ต้องเข้ารับการรักษาทุกขั้นตอนที่คุณหมอแนะนำ”
“ถ้าฉันไม่ผ่าล่ะ”
คุณหญิงเพ็ญแขพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนือกว่า
แต่เมื่อเห็นสีหน้าอมทุกข์ของว่าที่ลูกสะใภ้ก็อดสงสารไม่ได้ หลายปีมานี่ถ้าไม่มีดารัณละก็...
นางก็คงใช้ชีวิตเงียบเหงาไปวันๆ สามีก็ตายจาก ลูกชายสองคนก็ต่างมีครอบครัว คนเล็กก็ไม่ยอมกลับบ้าน เพื่อนรักคนเดียวที่นางมีก็ฝากลูกสาวไว้ให้ดูแลก็จากไปแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของผู้หญิงก็คือลูก ก่อนที่เพื่อนรักจะจากไปนางได้ฝากฝั่งลูกสาวไว้เพราะเกรงว่าหากสามีจะแต่งงานใหม่แล้วลูกสาวจะถูกทอดทิ้ง
แม้พ่อของดารัณจะรักลูกสาวมาก แต่ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่มักทนความเหว่ว้าไม่ไหว
ในสักวันก็ต้องมีภรรยาใหม่
ดารัณเองก็เติบโตเป็นหญิงสาวสวยและเพียบพร้อม
ทั้งที่ดารัณมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วก็ยังมีหนุ่มๆ มารุมจีบไม่น้อย นางรู้ว่าในใจของดารัณมีแต่ลูกชายคนเล็กของนาง
แต่เจ้าลูกชายตัวดีก็แสนดื้อรันเหมือนใครก็ไม่รู้จนนางใจอ่อน แค่บังคับให้รับหมั้นในวันที่คุณแพรว-แม่ของดารัณจะจากไปก็ทำหน้ายุ่งยากใจ
ซ้ำยังหนีไปทำงานในถิ่นทุรกันดารอีก
คุณหญิงเพ็ญแขได้แต่ระบายลมหายใจหนักๆ นางเข้าใจการเสียสละของลูกชาย แต่นางก็หวังให้ลูกอยู่ใกล้ๆ
ในช่วงบั่นปลายชีวิต หากใครจะมองว่านางเห็นแก่ตัวก็ช่างเถอะ มีใครบ้างเล่าอยากเห็นลูกตัวเองไปลำบากลำบนแห่งหนใดก็ไม่รู้
หลายปีที่ผ่านมาเห็นหน้ากับนับชั่วโมงได้เลยทีเดียว
“คุณแม่ต้องรักษาตามที่คุณหมอแนะนำนะครับ” ธันวายืนกรานประโยคเดิม
คุณหญิงเพ็ญแขมองหน้าลูกชายคนเล็กแล้วยิ้มที่มุมปาก
“ฉันผ่าตัดก็ได้แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรครับคุณแม่” ลูกชายคนโตขมวดคิ้ว เวลาอย่างนี้คุณแม่จะมีเงื่อนไขอะไรอีก
“แกต้องแต่งงานกับหนูมิ้นต์”
“อะไรนะครับ” คราวนี้เป็นธันวาที่นิ่งไป ไม่คิดว่าคุณแม่จะจู่โจมด้วยวิธีนี้
“ได้ยินชัดแล้วนี่” มารดาแสร้งไอแห้งๆ “ถ้าแกแต่งงานกับหนูมิ้นต์
แม่ถึงจะยอมผ่าตัด”
“คุณแม่ค่ะ” ดารัณไม่คิดว่าท่านจะพูดแบบนี้ เธอแทบไม่กล้ามองหน้าพี่ธันวาของเธอเลย
เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบเธอแต่การทำแบบนี้เขาจะยิ่งเกลียดเธอหนักขึ้นไปอีก
“ถ้างั้นฉันก็ไม่ผ่าตัด” คุณหญิงเพ็ญแขโบกมือไล่ทุกคน “ออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน
ถ้าแกทำให้แม่ไม่ได้นะธันวาแกก็กลับไปใช้ชีวิตของแกแล้วปล่อยแม่ไว้แบบนี้แหละ”
ในเมื่อคุณหญิงเพ็ญแขทำท่าไม่ต้องการสนทนากับใครอีก ทั้งหมดจึงออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ
และเมื่อประตูห้องปิดลง สายตาทุกคู่ล้วนจ้องมองที่ธันวาเพราะเขาคือคำตอบของเงื่อนไขที่มารดาได้ตั้งไว้
ธันวาเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด
กรกฎรู้นิสัยน้องชายคนเล็กดีเขาได้แต่ตบไหล่น้องเบาๆ
ก่อนจะดึงมือภรรยาให้เดินจากมาเหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่ต้องตัดสินใจชีวิตกันเอง
“พี่ธันคะ” น้ำเสียงสั่นเครือและดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอ
“มิ้นต์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“พูดตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว” เขาถอนแว่นตาแล้วยกมือกดหัวคิ้วบรรเทาความตึงเครียดแล้วทำท่าจะหมุนตัวเดินจากไป
แต่มือเรียวเล็กของดารัณดึงชายเสื้อของเขาไว้ก่อนจนชายหนุ่มต้องหันกลับมามอง
“แต่งงานกับมิ้นต์นะคะพี่ธัน”
ชายหนุ่มตะลึงงันไปกับคำพูดของหญิงสาว
“พูดอะไรออกมา” เขาทำน้ำเสียงดุ
“มันต้องมีวิธีอื่นซิ”
“มิ้นต์ไม่รู้” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา
“ตั้งแต่คุณแม่ของมิ้นต์เสีย
มิ้นต์ก็มีแต่คุณหญิงเพ็ญแขที่คอยดูแลมิ้นต์มาตลอด มิ้นต์ทำได้ทุกอย่างค่ะ ขอเพียงให้ท่านปลอดภัย”
ชายหนุ่มอยากเช็ดน้ำตาให้แต่มือของเขาหนักเกินกว่าจะยกขึ้นได้
เขาเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่คิดจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาเหมือนหญิงสาวตรงหน้า ก็อาจเป็นไปได้เพราะช่วงสิบปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้อยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ
คงมีแต่ดารัณที่คอยดูแลมารดาของเขาแทนเขานั้นแหละ แต่ก็เขาแทบไม่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าเอาเสียเลย
ซ้ำยังเพิ่งบอกขอเลิกกับเธอไปหมาดๆ มารดาของเขาคงรักผู้หญิงคนนี้มากถึงกับยอมเอาการแต่งงานมาเป็นเงื่อนไขในการรักษาตัวเช่นนี้.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น