ลิขิตรักในเพลิงทราย (ชุดเล่ห์รักในรอยทราย)
บทที่ 5
กาแฟดำรสเข้มถูกจิบที่ละนิด ท่าทีสงบนิ่งดุจภูผาหินไม่มีใครกล้ารบกวนอารมณ์องค์รัชทายาทหนุ่มผู้มีอารมณ์เหมือนทะเลทรายที่มิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดพายุเมื่อใด
ราเฟย์วางถ้วยกาแฟลงด้วยอาการสงบนิ่งผิดกับจัสมินที่นั่งกระสับส่ายไม่ยอมแตะถ้วยกาแฟของตน
“ทำไมเสด็จพ่อให้เรารอนานจังคะ
หรือรู้ว่าน้องมา”
“เสด็จพ่อทรงไม่ทำอะไรไร้สาระเช่นนั้นหรอก”
ราเฟย์ตัดบทก่อนที่น้องสาวต่างมารดาจะพูดจบ เธอเป็นสาวมั่นทันสมัยก็จริง
แต่หญิงสาวขาดความมั่นใจเรื่องพ่อของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
“ต้องขออภัยองค์รัชทายาทและองค์หญิงจัสมินอย่างสูง...ตอนนี้ฝ่าบาททรงรับการรักษาอยู่”
หมอยามาทโค้งคำนับและรายงาน แต่เรเฟย์ใช้สายตาคมกริบมองแพทย์ประจำประองค์อย่างแปลกใจ
“แล้วทำไมหมอยังอยู่ตรงนี้คะ” จัสมินถามในสิ่งที่ราเฟย์รู้สึกเช่นเดียวกัน
“เอ่อ...ทรงให้พยาบาลนวดฝ่าเท้าอยู่ครับ”
“นวดฝ่าเท้า” คราวนี้เป็นเสียงราเฟย์ที่พูดออกมาจนเกือบจะเป็นเสียงครางอย่างไม่เชื่อหูที่ได้ยิน
“นี่หมอคิดอะไรอยู่”
“เป็นข้อเสนอของท่านคาร์ดัลครับ” หมอยามาทขยับแว่นสายตา
“และเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท”
“เหลวไหล” ราเฟย์ตะลึงกายขึ้นทำให้จัสมินลุกขึ้นยืนตามโดยอัตโนมัติ
“คาร์ดัลคิดอะไรแผลงๆ นะซิ หมอต่อกี่หมอก็รู้ว่าโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนต้องผ่าตัดกันทั้งนั้น!”
“ตามทฤษฎีก็ไม่ผิดหรอกครับ
แต่โลกฝั่งตะวันออกมีการรักษาด้วยการฝั่งเข็มและนวดกดจุด หากผู้ที่ทำมีความชำนาญก็สามารถรักษาได้”
หมอยามาทยังไม่ทันพูดจบร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมยาวจรดพื้นก็สาวเท้าเข้าไปในห้องบรรทมของกษัตริย์ฮัสซันทันที
“พี่ราเฟย์!” จัสมินพยายามจะคว้าแขนของพี่ชายไว้แต่เธอก็ช้าไป
หญิงสาวหันไปสบตากับหมอหนุ่มที่มีท่าทีหวาดหวั่นและตกใจไม่แพ้กัน ก่อนที่ทั้งคู่จะตั้งสติได้และรีบวิ่งตามร่างขององค์รัชทายาททันที
“เสด็จพ่อ!”
ราเฟย์เรียกผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงไม่ดังนักแต่เต็มไปด้วยอำนาจ ‘ช่างถอดแบบพระบิดาไม่ผิดเพี้ยน’ เหล่าบรรดาผู้ที่อยู่ในห้องบรรทมรู้สึกเช่นนั้น
ต่างพากันถอยกรูไปหลบที่มุมห้อง กษัตริย์ฮัสซันยังทรงปิดพระเนตรแสร้งทำเป็นไม่รับรู้การมาของลูกชายหัวรั้น
แต่ทรงเผลอครางออกมาอย่างผ่อนคลายเมื่อพระบาททั้งสองข้างถูกนวดคลึง ความเมื่อยขบละลายไปสิ้นอย่างที่พระองค์ไม่เคยได้รับจากโอสถชนิดไหน
ราเฟย์ก้าวเข้ามาใกล้จนเห็นร่างบอบบางนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น พระบาทข้างหนึ่งแช่อยู่ในอ่างทองเหลืองอีกข้างอยู่บนตัก
หญิงสาวโน้มตัวใช้เรี่ยวแรงที่มีกดคลึงบนฝ่าเท้าอย่างตั้งใจไม่สนใจใครที่มาส่งเสียดังอยู่ด้านหลัง
“เจ้านี่ทำให้ข้าคิดถึงตัวเองสมัยหนุ่มๆ”
กษัตริย์ฮัสซันทรงสลวยเบาๆ แต่ราเฟย์คิดว่าพระองค์ตรัสกับนางที่นั่งถวายงานอยู่
อารมณ์หงุดหงิดพลุกพล่านขึ้นมากกว่าเดิม
“พี่ราเฟย์ อุ๊ย!”
จัสมินถลาเข้ามาอย่างรีบร้อนจนจมูกชนกับแผ่นหลังกว้างของพี่ชาย
เมื่อรู้ตัวเธอรีบย่อตัวถวายคำนับกษัตริย์ฮัสซันทันที ไม่เพียงแต่หมอยามาทเท่านั้นที่ดูออกว่าพระพักตร์ของฮัสซันดูสดชื่นขึ้นมาก
เวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ที่พยาบาลสาวคนนี้เข้ามาดูแลทำให้พระพักตร์ของพระองค์มีร่องรอยความสุขมากกว่าความเจ็บปวด
“ราเฟย์ช่วยพยุงพ่อหน่อยซิ”
กษัตริย์ฮัสซันควักมือเรียกลูกชายก่อนที่จะลืมพระเนตรขึ้นช้าๆ ท่าทีเครียดขรึมของลูกชายทำให้พระองค์ฝืนทำนิ่งทั้งที่อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
ทุกครั้งที่พระองค์มองลูกชายคนนี้มักจะเห็นตนเองในอดีตเสมอ ราเฟย์เดินตรงเข้ามาประคองพระบิดาให้นั่งอย่างสะดวก
เขามองเลยไปยังร่างบางที่นั่งเช็ดพระบาทของเสด็จพ่อ แต่แล้วเมื่อใบหน้ารูปไข่เงยหน้าขึ้น
เขาก็จำได้ในทันทีว่าเคยเจอหญิงคนนี้ที่ไหน ใบหน้าสวยหวานยิ้มออกมาทันทีเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
โดยที่เธอก็ลืมคิดไปว่าเมื่อครู่กษัตริย์ฮัสซันรับสั่งว่าอะไร
“จัสมินก็มาเรอะ เข้ามาใกล้ๆ ซิไปยืนทำไมไกลนัก”
“เพคะ” จัสมินเดินเข้ามาอย่างไม่มั่นใจนักแม้จะมีพี่ชายยืนอยู่ใกล้
“นานๆ จะมีลูกๆ มาห้อมล้อมแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” กษัตริย์ฮัสซันสรวยเสียงดังขึ้นมา
“รู้จักหรือยัง พยาบาลใหม่ของพ่อ ชื่อ อารยามาจากเมืองไทย
คาร์ดัลเป็นคนพบเพชรเม็ดงามเม็ดนี้”
“พระองค์กล่าวเกินไปหม่อมฉันเป็นแค่นักกายภาพบำบัดเท่านั้นเพคะ” อารยายิ้มบางๆ
“นี่ลูกชายกับลูกสาวฉัน ราเฟย์กับจัสมิน อายุคงไล่ๆ กับเธอ”
กษัตริย์ฮัสซันลูกสาวที่ได้เค้าโครงมาจากแม่เต็ม จัสมิน ยิ้มให้อย่างเป็นกันเองและไม่ถือตัว
ผิดกับผู้ชายร่างสูงสง่าคนนั้นที่เขาแต่ทำหน้าเคร่งขรึม อารยายกมือแบบไทยๆ พยายามยิ้มผูกมิตรแต่เมื่อราเฟย์ไม่มีท่าทีตอบไมตรีของเธอ
หญิงสาวจึงหน้าเจือนลงทันที
‘เขาทำเหมือนไม่เคยเจอเธอเลย’
อารยาพึมพำกับตัวเองในใจ ผิดกับครั้งแรกที่เธอได้รับความช่วยเหลือนำทางไปโรงครัว
หญิงสาวจำได้ดีของท่าทางร้อนร้นของเหล่าบรรดาแม่ครัวที่จัดเตรียมสำรับอาหารมาบริการเธอและเขา
เขานั่งกินแซนวิชเพียงคู่เดียวกับกาแฟดำ ในขณะที่เธอกินไปตั้งสามคู่แถมนมอีกแก้วใหญ่
เขาละเลียดทานอาหารอย่างใจเย็นจนเธอเสร็จเรียบร้อยและเดินนำเธอมาส่งถึงห้องที่จัดไว้เป็นเสมือน
‘ห้องพยาบาล’ ประจำราชวัง
“ขอบคุณค่ะ”
อารยาจำได้วาพูดได้แค่นั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไปยังไม่ทันถามชื่อเสียงเรียงนาม
แต่เธอก็คาดเดาได้ไม่ยากนักว่าเขาคงไม่ใช่ ‘คนธรรมดา’ อย่างแน่นอน เพราะที่เห็นตั้งแต่ในโรงครัวจนตลอดทางเดินนั่น มีแต่คนถวายการเคารพเขาแทบทั้งนั้น ที่จริงเขาเป็นถึง ‘องค์รัชทายาท’ ก็น่าอยู่หรอกที่เขาจะทำตัวราวกับไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น