สามีร้อยล้าน   บทที่ 5. หนีฉันไม่พ้นแล้วล่ะคุณสามี “ ไม่เคยนึกว่าหลังบ้านหลังนี้จะร่มรื่นขนาดนี้ ” โบตั๋นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน   ชายชราวัยเจ็บสิบเอ่ยพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้ๆ   หญิงสาวลุกขึ้นจากเปลญวนแล้วยิ้มเขิน “ ไม่รู้เจ้าของบ้านเขาจะว่าอะไรหรือเปล่า ” “ ทำไมละ ออกจะสวยแถมได้ประโยชน์ด้วย   นี่ผักและพืชสมุนไพรไม่ใช่เหรอ ”            “ ใช่ค่ะคุณปู่ ”   โบตั๋วเดินมาที่แปลงผักใกล้ๆ “ พริก , กะเพรา , โหรพา ผักที่ใช้ในครัวเป็นประจำ ปลูกง่ายโตไวไม่กี่สัปดาห์ก็นำมาปรุงอาหารได้แล้ว ส่วนตะไคร้นี่นอกจากจะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรแล้วยังสามารถช่วยไล่ยุงให้ด้วยค่ะ ” “ ยอดเยี่ยมจริงๆ ” ชายชราเอ่ยชมด้วยแววตาจริงใจ “ คนบ้านนี้ก็แปลกไม่เห็นใครคิดจะทำอะไรแบบนี้เลย ” “ อาจจะมีคนคิดแต่ไม่กล้าทำก็ได้ค่ะ ”   โบตั๋วไหวไหล่น้อยๆ “ หนูอยู่ที่นี่จะสามอาทิตย์แล้วยังเจอเจ้าของบ้านไม่ครบทุกคนเลยค่ะ ” “ แสดงว่าหนูเป็นคนมือเย็นปลูกต้นไม้ขึ้น ” ยังไม่ทันที่โบตั๋นจะพูดอะไรต่อเสียงเอะอะก็ดังมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่เธอหันมาทางชายชราท่าทางใจดีอีกครั้งเหมือนกับจะขอให้ช่วยไขความสงสัย “ สงสัยพว

บทที่ 4. ลิขิตชีวิตตัวเอง?

  

จารใจทุรยศ  

บทที่ 4. ลิขิตชีวิตตัวเอง?

 

เสิ่นฉางซีตุ๋นรังนกมาเพื่อให้เกาฮ่วนปิ่งและเกาฮูหยินกินเป็นของว่าง ทว่าเมื่อเดินมาถึงประตูห้อง เสียงโต้เถียงที่ดังออกมาด้านนอกทำให้เท้าทั้งสองข้างชะงักไป

            “รุ่ยเฉียง ปีนี้เจ้าอายุสิบเจ็ด ซ้ำยังเป็นบุตรชายคนโตของสกุลเกา เจ้าต้องคิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว” เสียงเกาฮูหยินทั้งปลอบทั้งข่มขู่ด้วยความระอาใจ

            “ท่านแม่ ข้าอยากแต่งงานกับฉางซี” 

            เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูถึงกับตกตะลึงไปทันที นางตั้งใจจะถอยกลับแต่เท้ากลับไม่ยอมขยับ นางรู้ว่าเการุ่ยเฉียงดีกับนางมากแต่ไม่เคยคิดว่าเขาคิดกับนางเช่นนี้

            “เจ้า!” เกาฮูหยินอ้าปากค้าง

            “ท่านแม่รังเกียจนางรึ?” เการุ่ยเฉียงถามตามที่ใจคิด

            “มิใช่รังเกียจ” เกาฮูหยินเบาเสียงลง “แม่ออกจะเอ็นดูนางเสียด้วยซ้ำ นางมาอาศัยเราอยู่แต่นางก็มิได้อยู่เฉย เป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อยแต่กลับขยันขันแข็ง ดูแลข้าดีเสียยิ่งกว่าลูกอย่างเจ้าเสียอีก”

            “นางดีถึงเพียงนี้ เหตุใดข้าแต่งฉางซีเป็นภรรยาไม่ได้”

            “ใช่ นางดีทุกอย่าง แต่มีเรื่องเดียวคือนางให้กำเนิดบุตรมิได้ เจ้าเป็นบุตรชายคนโต ต้องมีทายาทสืบสกุล เจ้าต้องแต่งงานกับสตรีที่ให้กำเนิดทารกได้” เกาฮูหยินยื่นมือไปลูบไหล่ลูกชายอย่างปลอบโยน “เจ้ารักมั่นในฉางซีย่อมเป็นเรื่องดี แต่หน้าที่ของบุตรชายคนโตมิควรละเลย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าแต่งงานกับจูเอ๋ออิ่งเป็นภรรยาเอก แล้วรับฉางซีเป็นภรรยารอง เจ้าก็ไม่ผิดกับบรรพชนและยังได้ดูแลฉางซีไปชั่วชีวิต”

            “จะให้ฉางซีเป็นภรรยารอง...นางจะรับได้หรือ?”

ในใจของเการุ่ยเฉียงมีเพียงเสิ่นฉางซี เขาไม่เคยใส่ใจรอยแผลเป็นบนใบหน้าหรือที่นางต้องเดินลากขาข้างขวา หรือแม้แต่ที่นางให้กำเนิดบุตรไม่ได้ เขารักนางและอยากดูแลปกป้องนางไปชั่วชีวิตของเขา

            “เรื่องนี้เจ้าอย่าได้กังวลไป แม่จะคุยกับฉางซีเอง ขอเพียงเจ้ารับปากจะแต่งงานกับจูเอ๋ออิ่งก็พอ”

            “ข้า...”

            เสิ่นฉางซีเรียกสติให้ตัวเองแล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินออกมาอย่างเงียบเชียบ

            ภรรยารอง

            หญิงที่ไม่สามารถให้กำเนิดทารกอย่างนาง เป็นได้แค่ภรรยารอง

            บางสิ่งที่คิดว่าตนเองทำใจยอมรับได้แล้วนั้น แท้จริงนางยังเจ็บปวดกับความจริงในข้อนี้ นางมิได้คิดอื่นใดกับเการุ่ยเฉียง ที่ผ่านมาเขาดีกับนางมาก เรื่องนี้นางรู้อยู่เต็มอก กระนั้นนางคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชาย อยู่อย่างเจียมตัวอยู่เสมอ หญิงที่ทั้งอัปลักษณ์และให้กำเนิดบุตรมิได้อย่างนาง ย่อมไม่เป็นที่ต้องการ แต่สกุลเกายอมให้นางเป็น ภรรยารอง ของเการุ่ยเฉียงนั้นก็นับว่ามากแล้ว

            แต่นางไม่ต้องการ

 

            เพลงขลุ่ยหวานเศร้าเรียกสติของเสิ่นฉางซี นางมิรู้เลยว่าตนเองใจลอยเดินถือชามรังนกมาถึงเรือนของเกาเทียนฉี นางหยุดยืนมองบุรุษในชุดเสื้อสีเขียวใบไผ่ยืนเป่าขลุ่ยอยู่ในลานกว้าง  ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นปรายตามายังร่างของเด็กสาว เขาจึงหยุดเป่าขลุ่ยแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้นางเข้าไปหา

            “นายท่านรอง” เสิ่นฉางซีวางชามรังนกบนโต๊ะหิน “ฉางซีฟังเพลงนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยฟังท่านเป่าจนจบเพลงเสียที”

            “ข้าบรรเลงให้เจ้าฟังที่ไหนกัน” เกาเทียนฉียื่นมือมาใช้ปลายนิ้วดีดหน้าผากของเด็กสาวเบาๆ แล้วหลุบตามองชามรังนก “เอามาให้ข้ารึ ไฉนจึงเย็นชืดเช่นนี้เล่า เจ้าเดินข้ามเขาหัวซานมาหรือไร”

            ถ้อยคำหยอกล้อของเกาเทียนฉีทำให้เด็กสาวหัวเราะออกมา บุรุษผู้นี้อายุยี่สิบหกแล้วแต่บางครั้งยังทำตัวเหมือนเด็ก

            “ฉางซีจะเอาไปอุ่นให้ใหม่เจ้าค่ะ” นางไม่กล้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจยกมาให้เขา แต่เกาเทียนฉีกลับโบกมือไปมาแล้วหยิบรังนกชามนั้นมากินเสียเอง  

            “ฝีมือทำอาหารของเจ้าดีขึ้นทุกวัน” เกาเทียนฉีเอ่ยชมจากใจจริง ราวกับไม่แปลกใจที่เห็นรังนกอยู่สองชาม “อีกสองสามวันข้าจะเดินทาง เจ้ามาช่วยข้าจัดเตรียมสัมภาระหน่อยนะ”

            “นายท่านรองจะไปหยุนหนานหรือเจ้าคะ”

            คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจกับน้ำเสียงตื่นเต้นของเด็กสาว “ยังหรอก อีกสองสามเดือนข้าถึงจะไปหยุนหนาน แต่นี่ข้าจะเข้าป่าขึ้นเขาไปหาโสมซานซีเสียหน่อย เจ้าก็รู้เวลาเข้าป่าแต่ละครั้งข้าไปหลายวันอย่างไรก็ต้องเตรียมสัมภาระให้พร้อม”

            “อ่อ” นางรับคำเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ

            “เจ้าอยากไปหยุนหนานหรือ?” เห็นท่าทางตื่นเต้นของนางแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เด็กคนนี้มักเก็บอาการ ไม่แสดงความต้องการสิ่งใดออกมานัก

            เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก “ได้ยินนายท่านรองและท่านหมอหวังข่ายพูดถึงหยุนหนานบ่อยๆ ข้าจึงอยากเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง”

            เกาเทียนฉีกินรังนกจนหมดแล้วรับน้ำชาจากเสิ่นฉางซี

            “แท้จริงเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจสินะ”

            “นายท่านรอง...” นางเอ่ยได้เพียงแค่นั้นแล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก

            “ฉางซี” เกาเทียนฉีฉีกยิ้มให้เด็กสาว “ที่เจ้าพยายามเรียนรู้อะไรมากมายเพียงเพื่อออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนั่นมิใช่หรือ?”

            เสิ่นฉางซีเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า “ฉางซิมิได้...”

            ยังไม่ทันพูดจบประโยค เกาเทียนฉีโบกมือห้ามไม่ให้นางพูดต่อ

“สกุลเกาสร้างสำนักคุ้มภัยราชสีห์คำรามมาสองชั่วอายุคนแล้ว แต่พวกเราก็มิใช่คนลืมกำพืดตนเอง พวกเราไม่ใช่สกุลใหญ่โตเหมือนพวกคหบดีหรือวาณิช เจ้าเองอยู่ที่นี่มาห้าปีแล้วย่อมรู้ว่าคนในสำนักคุ้มภัยมีที่มาที่ไปหลากหลาย บางคนโลดแล่นในยุทธภพมาก่อน บางคนเป็นช่างตีเหล็กหรือเป็นชาวนาที่แข็งขัน เจ้าเองเป็นบุตรสาวสหายรักของพี่ใหญ่ข้า พวกเราเลี้ยงดูเจ้าธรรมดายิ่ง ตัวเจ้าเองพยายามตอบแทนบุญคุณเสมอมา เรื่องนี้ต่อให้คนตาบอดก็ยังรู้ หากเจ้ามีสิ่งที่ปรารถนาจะทำ มีสถานที่ที่อยากไป เจ้าจงทำมันเสีย อย่าได้คิดว่าการไปจากที่นี่เป็นการอกตัญญูเลย”

            ดวงตาของเด็กสาวจ้องมองบุรุษที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้าราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ซ้ำยังแสดงท่าทีเกียจคร้านออกมา

            “เจ้าอยากไปหยุนหนานก็เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะบอกพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เอง”

            “ขอบคุณนายท่านรองมากเจ้าค่ะ”

            เกาเทียนฉีพยักหน้าขึ้นลง “การรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าใช้เงินทองไปมากก็จริง แต่ที่ผ่านมาเจ้าเองมิได้อยู่เฉย หากเจ้าต้องการไปหรือมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการทำ ข้ายินดีสนับสนุน แต่ที่เป็นกังวลเพราะร่างกายของเจ้ายังไม่แข็งแรงดีนัก”

            “ใครว่าข้าไม่แข็งแรง ข้าแข็งแรงราวกับวัวเชียวนะ” นางหัวเราะพลางแอบเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า

            “ข้ารู้” ชายหนุ่มโคลงศีรษะไปมา “เอาอย่างนี้ ระหว่างที่ข้าขึ้นเขาไปหาสมุนไพรหายาก เจ้าไปเฝ้าสวนสมุนไพรที่กระท่อมเชิงเขา ที่นั่นใกล้บ่อน้ำพุร้อน เจ้าไปแช่ตัวอบสมุนไพรเพื่อเตรียมตัวเดินทางดีหรือไม่ เจ้าเองไม่ได้ไปที่บ่อน้ำพุร้อนนานแล้วกระมัง”

            “ก็ไม่นานนะเจ้าคะ แค่เดือนเศษๆ เอง”

            “แต่ก่อนข้าย้ำให้เจ้าไปแช่น้ำพุร้อนทุกสิบวัน เจ้าลืมไปแล้วหรือไร” เขาส่ายหน้าไปมา “ทีเรื่องของผู้อื่น เจ้าใส่ใจทุกเรื่อง แต่ไยเรื่องของตนเองกลับหลงลืมไปได้”

            เด็กสาวยิ้มทำหน้าทะเล้น

            “ฉางซี เจ้าอย่าเพิ่งถอดใจ หลายปีมานี้ สภาพร่างกายเจ้าฟื้นฟูขึ้นมาก ไม่แน่ว่าบางที...”

            “ขอบคุณนายท่านรองที่เมตตาฉางซีเจ้าค่ะ” นางลุกขึ้นยืนกล่าวออกมาจากใจจริง “ทุกอย่างล้วนเป็นชะตากำหนด”

            “วัวดื้ออย่างเจ้าเชื่อเรื่องชะตากำหนดเรอะ” เขายื่นมือไปดีดหน้าผากเด็กสาวอีกครั้ง “ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าต้องลิขิตเองสิ”

            “ลิขิตชีวิตตัวเอง?”

            “เจ้าอายุยังน้อย อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับชะตากรรมของตนเอง”

 Thumbnail Seller Link

เขายื่นมือทำท่าจะดีดหน้าผากนางอีกครั้ง แต่เห็นนางหลับตาปี๋เขาก็อดยิ้มไม่ได้ จึงแค่ยื่นมือไปลูบศีรษะของนางเบาๆ เด็กสาวอายุสิบห้าแล้ว แต่ไม่อาจเกล้าผมหรือปักปิ่นเช่นเด็กสาวในวัยเดียวกันได้ หากนางไม่ถักเปียไว้หลวมๆ ก็จะเห็นนางใช้ผ้าเส้นเล็กๆ รวบมัดเส้นผมไว้ ปลายนิ้วกร้านเกลี่ยเส้นผมที่ใบหน้าเปิดโคนเส้นผมที่หน้าผากของนางขึ้น รอยแผลเป็นคล้ายรอยไหม้ที่ตีนผมยังเห็นเป็นรอยสีชมพู เขายังจำสภาพของนางที่พี่ใหญ่พานางกลับมาที่สำนักคุ้มภัยได้เป็นอย่างดี ต่อให้เป็นผู้ชายตัวโตเห็นสภาพของเด็กหญิงวัยสิบขวบเปื้อนเปรอะโลหิตเช่นนั้นยังอดสะเทือนใจมิได้

            ฝ่ามืออัคคี

            เพียงเห็นร่องรอยที่ทิ้งไว้ผู้คนก็ต่างขวัญผวา ฝ่ามืออัคนีเป็นวิชาของพรรคมาร แม้รู้เต็มอกว่าพรรคมารชั่วช้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่าจะข้องเกี่ยวพัวพันกับราชสำนัก บิดาของเสิ่นฉางซีเป็นองครักษ์หลวง จากที่พี่ใหญ่เล่าให้เขาฟังนั้น เสิ่นจางเหว่ยแต่งงานกับนางกำนัลที่ถูกปลดส่งออกจากวังหลวง ทั้งสองมิได้ใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยาทั่วไป เพื่อปกป้องภรรยาและลูกน้อย จึงแต่งงานกันอย่างเงียบๆ และให้ภรรยาอยู่กระท่อมในเขตชุมชนยากจน ใช้ชีวิตเรียบง่าย เมื่อมีวันหยุดจึงได้มาหาภรรยาและบุตรสาว คนทั่วไปไม่มีใครรู้ว่าเสิ่นจางเหว่ยเป็นองครักษ์ หากเข้าใจว่าเป็นพ่อค้าที่เดินทางอยู่เสมอ

            แม้ปกป้องลูกสาวมากเพียงใด เมื่อถึงเวลา คนผู้นั้นกลับเลือกหน้าที่มาก่อนชีวิตของบุตรสาวเพียงคนเดียว ยอมให้นางสวมเสื้อคลุมขององค์รัชทายาท เบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้องค์รัชทายาทตัวจริงปลอดภัยจากการถูกลอบสังหาร

            ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาเทียนฉีตรวจดูรอยแผลบนศีรษะให้นาง เด็กสาวจึงไม่คิดหลบเลี่ยงหรือปัดมือออก เพียงแต่เห็นท่าทีเหม่อลอยของเขาแล้วนางจึงเรียกอีกฝ่ายเบาๆ

            “นายท่านรอง...บาดแผลของฉางซีเป็นอะไรรึเจ้าคะ”

            “อ่อ...” เกาเทียนฉีตื่นจากภวังค์แล้วชักมือกลับช้าๆ ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด “ดีขึ้นมากแล้ว แต่อาการปวดศีรษะของเจ้ายังเหมือนเดิมสินะ”

            เสิ่นฉางซีพยักหน้าแทนคำตอบ

            “ไปพักผ่อนได้แล้ว ระวังต้องลมเย็นเข้า”

            “ฉางซีทราบแล้วเจ้าค่ะ”

            เกาเทียนฉีโบกมือไล่เด็กสาวให้กลับไปพักผ่อน เขามองร่างของเสิ่นฉางซีเดินจากไปสุดสายตาแล้วจึงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วคิดถึงโชคชะตาของตนเอง

            ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าต้องลิขิตเองสิ

            อ่า...เขาเอ่ยกับเจ้าวัวดื้อตัวน้อย เหตุใดกลับรู้สึกเหมือนบอกตัวเองอย่างไรไม่รู้ได้.

Thumbnail Seller Link
จารใจทุรยศ +ตอนพิเศษ
เพลงมีนา
www.mebmarket.com
เรื่องย่อ “ฆ่าตัวตาย?” เด็กหญิงเอียงคออย่างงุนงง “ผู้ใดฆ่าตัวตายเจ้าคะ” “ก็เจ้าไง” เขาใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผาก...
Get it now

 

 

ความคิดเห็น

นิยายยอดนิยม

คุณหมอจอมบงการ บทนำ

คุณหมอจอมบงการ บทที่ 5

เพลิงพิศวาสจอมเถื่อน บทที่ 5

คุณหมอจอมบงการ บทที่ 1

ลิขิตรักในเพลิงทราย บทที่ 4

คุณหมอจอมบงการ บทที่ 4

เพลิงพิศวาสจอมเถื่อน บทที่ 1

สามีร้อยล้าน ตอนที่ 5 หนีฉันไม่พ้นแล้วล่ะคุณสามี

บ่วงรักเทพบุตรมาเฟีย บทที่ 2

ปฏิบัติการหัวใจคุณผียอดวุ่น ตอนที่ 5