ปฏิบัติการหัวใจคุณผียอดวุ่น
ตอนที่
3
ชายหนุ่มคิดอยู่เสมอว่ามันไม่เป็นเพียงอาชีพ แต่เป็นสิ่งที่เขารักและจะทำมันให้ดีที่สุด
ตอนที่พ่อและแม่จากไปใหม่ๆ เขาจำได้ว่าเขาต้องพยายามทำกับข้าวให้น้องสาวกิน
เขาทำไข่เจียวที่ไม่เหลืองฟูแถมสุกไม่ทั่วแผ่นอีกต่างหาก แต่เจ้าน้องสาวแสนซนก็ยังเคี้ยวแก้มตุ้ยด้วยความหิวปนรอยยิ้ม นับตั้งแต่นั้นมาอาหารไม่เป็นเพียงแค่อาหารแต่เป็นสิ่งพิเศษที่มอบให้คนที่เขาห่วงใยที่สุดด้วย
“ว๊า...คนป่วยมาทำกับข้าวให้คนแข็งแรงกินอีกแล้ว”
เสียงของโซดาดังขึ้นเรียกให้เบียร์ตื่นจากภวังค์ บนโต๊ะมีหม้อข้าวต้มไก่ฉีกกับผัดผักกาดดองและผัดผักบุ้ง
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ
ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้มองดูน้องสาวจัดแจงตักข้าวต้มใส่ถ้วยสองใบและเลื่อนมาให้ตรงหน้าเขา
“กินยาก่อนอาหารรึยังค่ะ”
“เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ไม่เล่าให้พี่ฟังเลยว่าอบรมอะไรบ้าง”
“สนุกซิค่ะ ตึกก็ใหญ่โตมโหฬาร คนที่มาอบรมก็คนรวยๆ
กันทั้งนั้นโซดาทำเปิ่นตั้งหลายอย่างเนี่ยเค้าคงรู้กันหมดแล้วว่าโซดามาจากบ้านนอก
แต่อย่างว่าแหละเน๊าะ
อย่างกับฝันไปแนะพี่เบียร์”
“ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่
เราคงไม่ต้องลำบากอย่างนี้หรอก”
“โอ๊ย..ไม่หรอกพี่เบียร์
ใครว่าเราลำบาก เนี่ย...เค้าเรียกว่ามีชีวิตมีรายละเอียดมากกว่าคนอื่นอีกนะ
เอามาเป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายได้สบายเลย”
“จ้า...แม่นักเขียนใหญ่
พี่จะรออ่านนิยายของเรานะ”
“ค่ะ ช่วงก่อนเปิดเรียนแบบนี้โซดามีเวลาเขียนหนังสือได้สบายเลย
เอ่อ...แล้วร้านหมูหยองยังจะให้โซดาไปช่วยดูร้านเนทอยู่ไหมคะ “
“จะดีเหรอ
ไหนบอกจะเขียนนิยายให้จบก่อนเปิดเรียนแล้วจะไปทำงานพิเศษอีก”
“โธ่พี่เบียร์ ก็เพราะเป็นร้านเนทนะซิ
โซดาถึงอยากทำ จะได้ใช้คอมพ์ฟรีไง เดี๋ยวนี้เขียนเรื่องโพสตามเวบไซด์แล้วได้ตีพิมพ์เป็นเล่มเยอะแยะไป”
“เอาไว้พี่มีเงินจะหาคอมพ์ให้ใช้สักเครื่องนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เก็บเงินไว้เถอะมันยังไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอก
แค่ที่ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนก็เยอะแล้ว ไหนจะต้องซื้อหนังสือเรียนอีก ค่ากินค่าใช้จ่ายในบ้านมีแต่พี่เบียร์คนเดียวที่ต้องลำบาก
นี่ดีนะที่พ่อกับแม่ทิ้งตึกหลังนี้ไว้ให้ซุกหัวนอน ไม่งั้นเราต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกอะไรอีกสารพัดเลยเน๊าะ
ขอบคุณนะคะคุณพ่อคุณแม่” โซดาทำทะเล้นยกมือไหว้ขอบคุณต่อหน้ารูปพ่อกับแม่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง
“เอาละถ้าตั้งใจจะทำงานที่ร้านเนทก็ได้...แต่ห้ามเข้าไปดูเวบโป้นะ”
“ว๊า…ดูนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ ห้ามแชตอะไรนั่นด้วย อันตรายเห็นในข่าวมีแต่คนโดนหลอกไปข่มขืนเยอะแยะ
ถ้าพี่จับได้จะไม่ให้เราเขียนนิยงนิยายอะไรแล้ว” พี่ชายทำหน้าเครียดน้ำเสียงจริงจังจนน้องสาวได้แต่ยิ้มแหย
ๆ
“รับรองคะจะไม่ให้พี่เบียร์รู้
เอ๊ยไม่ทำให้พี่เบียร์ต้องเป็นห่วงแน่นอน”
“สัญญานะ”
“ค่ะ...เอาละ...พี่เบียร์ทำข้าวต้มอร่อยๆ
ให้กินแล้วหน้าที่ล้างจานเป็นของโซดาแล้วกันนะ
พี่เบียร์ก็อย่าลืมกินยาหลังอาหารละจะได้หายเร็วๆ”
คนเป็นพี่ได้แต่ยิ้มบางๆ มองดูน้องสาวเก็บถ้วยชามที่เวลานี้ไม่เหลือเศษอาหารให้เดาได้ว่าก่อนนี้จาน
ชามพวกนี้เคยมีอะไรอยู่ภายใน เสียงล้างจานดังอยู่ในครัว อาจเป็นเพราะ ฤทธิ์ยาแก้ไข้หวัดใหญ่ทำให้เขาเผลอหลับอยู่ที่โซฟาตัวยาวใหญ่
โซดาเดินผ่านมาจึงหยิบผ้าห่มคลุมร่างพี่ชายก่อนที่จะก้าวเท้าเดินให้เบาที่สุดไปที่ดาดฟ้าของบ้าน
ผ้าที่ตากไว้บนราวพลิ้วไหวตามแรงลม เด็กสาวดึงหนังยางที่รวบผมขึ้นเป็นหางม้าออกปล่อยให้เส้นผมยาวเคลียบ่าเป็นอิสระ
โซดาเอาเสื่อมาปูนั่งเป็นประจำที่นี่ยามเย็นที่ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี
เธอจะนั่งเหยียดขายาวเอาหนังสือเล่มโปรดออกมากางอ่านหรือไม่ก็เขียนอะไรกระจุกกระจิกของเธอ
แต่บ่อยครั้งที่เธอมักนั่งมองการเคลื่อนตัวของเมฆบนท้องฟ้า
เฝ้าดูว่ามันเปลี่ยนรูปร่างเป็นตัวอะไรและจิตนาการเป็นเรื่องราวต่างๆ
นานาราวกับเป็นเทพนิยายแฟนตาซีสุดมหัศจรรย์
แต่ก็นั้นแหละ…คิดอะไรก็คิดได้ ตัวละครเอย ฉากเอย ภาพเคลื่อนไหวในหัวเหล่านั่น มันช่างแสนยากเย็นที่จะเข็นมันออกมาจากหัวกลายเป็นตัวหนังสือบนหน้ากระดาษเปล่าๆ
สักแผ่นหนึ่ง
โซดาจำได้ว่าเธอรู้สึกทึ้งกับการอ่านหนังสือนอกเวลาที่คุณครูแนะนำให้อ่าน
เพราะมันไม่ใช่ตำราเรียน
แม้จะถูกบังคับให้อ่านแต่เรื่องราวเหล่านั้นสนุกสนานน่าสนใจแถมผสมผสานความรู้เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อจบเล่มหนึ่งก็พยายามสรรหาเท่าที่ห้องสมุดเล็กๆ ในโรงเรียนกันดารจะพอมี
ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ
ยิ่งรู้สึกเหมือนเปิดประตูมิติได้รู้จักโลกกว้างกว่าที่เธอคิด
มันอาจเป็นการเริ่มต้นจากจุดนี้และยิ่งเมื่อเธอเคยได้รับรางวัลประกวดเขียนเรียงความประจำโรงเรียน
เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านขีดๆ เขียนๆ
แต่เอาเข้าจริง นอกจากรายงานเรียงความที่ต้องส่งเป็นการบ้านแล้ว เธอยังไม่เคยเขียน “เรื่อสั้น” หรือ “นิทาน”
แม้กระทั้ง “นิยาย”
ก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง ได้แต่เขียนอะไรครึ่งกลาง ค้างคา ไม่จบสักเรื่อง ก็นั่นแหละมันทำให้นิยายแฟนตาซีสุดพิสดารของเธอก็ไม่ได้หลุดจากสมองเป็นตัวหนังสือได้เสียที
เมื่อตุลาคมปีที่แล้วเธอมาเยี่ยมพี่ชายสุดรัก เขาพาไปเที่ยวงานมหกรรมหนังสือหรืออะไรสักอย่างที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ กองทัพหนังสือนับพันนับหมื่นเล่ม
ผู้คนมากมายแน่นขนัดเข้ามาเลือกซื้อหนังสือหนังหา ภาพนักเขียนคนโปรดแจกลายเซ็น ยิ่งจุดประกายให้โซดาวาดฝันว่าสักวันเธอจะนั่งที่หน้าเวทีแจกยิ้มหวานและนั่งเซ็นชื่อหนังสือของตนเองจนมือเป็นระวิง
พอกลับมาถึงขอนแก่นโซดาเม้าท์แหลกกับเพื่อนฝูงเอาตั๋วรถไฟฟ้า
และรถไฟใต้ดินที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อเก็บไว้ไปเอาอวดเพื่อนและประกาศว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นนักเขียน
โซดาแอบฝึกเซ็นชื่อ หาลายเซ็นสวยๆ
ดูจากลายเซ็นของดาราในหนังสือนิตยสารวัยรุ่นแล้ววันหนึ่งครูประจำชั้นของเธอผ่านมาเจอโซดาที่กำลังมุ่นมั่นกับลายเซ็นของตัวเองอยู่นั้น
ครูหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยเบาๆ กับเธอ
“เธอน่าจะเอาเวลาไปเขียนนิยายให้จบเรื่องก่อนค่อยมาฝึกแจกลายเซ็นอย่างนี้นะ”
แค่คำพูดประโยคเดียวเรียกสติของโซดากลับมาได้
นั้นซิ อย่าว่าแต่นิยายเลยเรื่องสั้นสักเรื่องก็ยังไม่สำเร็จ
นี่ฉันมัวทำอะไรอยู่นะเนี่ย…
โซดาจึงกลับมาเริ่มต้นอ่านหนังสืออีกครั้งตามคำแนะนำของครูประจำชั้น
และการได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ
ครั้งนี้เธอมุ่งหวังและตั้งใจอย่างมาก...ว่าจะต้องไปถึงสิ่งที่ฝันให้ได้
เด็กสาวหยิบสมุดบันทึกไร้เส้นของตนออกมาจากเป้
นั่งอ่านลายมือเหมือนถั่วงอกที่โตไม่เต็มที่ของตัวเอง โครงเรื่องหลัก โครงเรื่องรอง
คาเร็กเตอร์ตัวละคร เออ..ปวดหัวเหมือนกันแหะ
แต่โซดาก็แอบฝันหวานถึงวันหนึ่งที่ตัวเองจะได้มีโอกาสได้ทำงานกับสำนักพิมพ์ “ยักษ์ใหญ่”
จนได้ เอานะ...ว่ากฎข้อหนึ่งของนักเขียนที่เธอตั้งขึ้น คิดถึงวันดีๆ
ให้ชีวิตสดชื่นแล้วตื่นมาวิ่งไล่ความฝันให้เป็นจริง
แล้วอยู่ๆ โซดาก็คิดถึงชายหนุ่มแปลกหน้าที่สวมแว่นตาทรงกลมกรอบเงินวาว
เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในแววตาหลังแว่นตานั่น
‘ปิ๊งฉันเหรอ?’
ไม่น่าจะใช่แหะ ใครจะมาสนใจสาวบ้านนอกท่าทางทอมบอยอย่างเธอได้นะ
นี่ดีนะที่ไว้ผมยาว ไม่งั้นคงนึกว่าเป็นผู้ชายแน่ๆ แถมรูปร่างก็ออกแบนๆ
อย่างกับไข่ดาวไม่ได้หน้าตาน่ารักสดใสอ่อนหวาน อย่างกับคนที่เธอทำเปิ่นไปยืนขวางประตูคุณหนูคนสวยคนนั้น
ว่าแต่... ยังเหลือเวลาอบรมการเขียนอีกตั้งสองวัน จะได้เจอ
ผู้ชายเสื้อฟ้าใต้ต้นไม้คนนั่นอีกไหม อยากรู้จัง.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น