ลิขิตรักในเพลิงทราย (ชุดเล่ห์รักในรอยทราย)
บทที่ 1
อารยาฉุกกึก นี่ไม่ใช่ครั้งที่ถูกลูกค้าพูดจาแบบนี้ เธอถอนหายใจหนักๆ
ระบายความหงุดหงิดในใจ
“ดิฉันต้องขออภัยแค่พูดไปตามอาการของท่าน แผลที่โดนกระสุนนั่นดูท่าจะถูกละเลยไม่ใส่ใจจึงเป็นแผลเป็นเป็นก้อนนูนอย่างนั้น
แล้วไตของท่านก็ทำงานหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์
และท่านยังมีความเครียดสะสมทำให้เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง ท่านยิ่งสมควรจะต้องดูแลสุขภาพมากกว่านี้”
มือเรียวเล็กของอารยากดจุดตรงกลางฝ่าเท้าเพื่อทำการเปิดลมให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ทำให้คนถูกนวดถึงกับเผลอครางออกมาเบาๆ
“แค่นวดเท่านั้นทำไมถึงรู้สึกดีจริง”
“ร่างกายของคนเราบ่งบอกความเจ็บปวดได้ค่ะ การนวดแผนโบราณเป็นการบำบัดรักษาชนิดหนึ่ง
คนไทยใช้วิธีควบคู่ไปกับการกินยามานานหลายร้อยปีแล้วค่ะ
การกินยาอย่างเดียวไม่ได้ช่วยรักษาโรคได้เสมอไป”
“เธอพูดเหมือนเป็นหมอ”
“ฉันเคยทำงานในโรงพยาบาล ก็เลยติดพูดจาประสาหมอไปหน่อยค่ะ” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ
เธอเองก็รู้สึกว่าเขาผ่อนคลายเพราะไว้ใจเธอมาก
“เธอทำอะไรในโรงพยาบาลหรือ?”
“เป็นนักกายภาพบำบัดค่ะ แต่อย่าถามนะคะว่าทำไมตอนนี้มาทำงานแบบนี้ เรื่องมันยาวค่ะ
คุณอาจจะต้องเพิ่มอีกสองชั่วโมงก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ
“วันนี้ฉันไม่สะดวกแต่อีกสองวันฉันจะมาหาเธออีก”
“ฉันมาทำงานเฉพาะเสาร์กับอาทิตย์ วันธรรมดาฉันต้องอยู่ที่อนามัย
แต่พนักงานคนอื่นนวดกดจุดให้ท่านก็ได้นะคะ”
“แต่ฉันว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรู้เท่ากับเธอ”
น้ำเสียงราบเรียบจนฟังคล้ายจะเป็นคำสั่ง อารยาจำได้ขึ้นใจเป็นอย่างดี หลังจากเสร็จงานเธอไม่ได้สนใจลูกค้าคนนี้นัก
เธอยังทำงานเป็นปกติเหมือนเดิม จนเปรมวดีโทรศัพท์มาหาเธอว่าลูกค้าอาหรับคนนั้นต้องการเรียกเธอไปบริการโดยเฉพาะ
“ก็ฉันต้องทำงานที่อนามัยไปไม่ได้หรอกยัยแป๋ม”
“แกเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราไม่ได้เหรอ นี่ลูกค้าวีไอพีเชียวนะ
เค้ายอมทุ่มไม่อั้น แกอาจจะได้ทิปมากกว่าเงินเดือนที่อนามัยแกอีกนะยะ”
“ยิ่งพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งไม่อยากไป แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากไปทำงานที่สปาแกนักหรอก
ถ้าฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ฉันก็ไม่ยอมเสียงานที่ฉันรักไปหรอกยะ”
อารยาวางหูโทรศัพท์ลงโดยไม่สนใจว่าเพื่อนรักจะพูดอะไรต่อ ใช่...เธอต้องเงิน
เงินก้อนใหญ่เสียด้วยเพราะแม่บุญธรรมของเธอป่วยเป็นมะเร็ง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกสั่งสอนจนขึ้นใจว่าให้รักศักดิ์ศรีไม่น้อยไปกว่าชีวิตตัวเอง
อารยาคิดว่าเปรมวดีคงโกรธเธอถึงขนาดตัดชื่อเธอออกจากบัญชีของความเป็นเพื่อน แต่ปรากฏว่า
อีกสามวันหลังจากนั้น เปรมวดีก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอถึงที่อนามัย และข้างๆกันนั้นมีชายชาวอาหรับคนนั้นยืนอยู่ใกล้ๆ
แม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังแต่เธอก็พอจะมองออกว่าเขากำลังยิ้มให้เธอ
“งานที่นี่น่าสนุกแบบนี้นี่เอง คุณถึงไม่ยอมเข้าไปกรุงเทพ” เขาชวนคุยด้วยภาษาอังกฤษ
คนรอบข้างเธอต่างงุนงงและแตกตื่น แต่มันยิ่งตอกย้ำความคิดในแง่ร้ายของคนบางคนว่าเธอหมอนวดประเภทเอาตัวนาบ
“สงสัยเราจะคุยกันยาว เชิญที่ห้องพักดิฉันเถอะค่ะ”
อารายเดินนำไปที่ห้องพักของเธอซึ่งอยู่ที่ปีกขวาของอนามัย
จะเรียกห้องพักก็ไม่ถูกนักเพราะมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้
นอกนั้นก็เป็นตู้เก็บเอกสารและหนังสือต่างๆที่เธอต้องใช้เป็นประจำ แต่มันก็ทำให้คนที่เข้ามารู้ได้ในทันทีว่าเธอเป็นคนสมถะเพียงใด
“แกอย่าโกรธฉันนะ
เค้าขอร้องให้ฉันพามา” เปรมวดีกระซิบบอกเพื่อนเบาๆ
“แน่ใจว่าเค้าขอร้อง ไม่ใช่ขู่บังคับ”
“บ้าซิ ถ้าขู่จริงฉันไปหาตำรวจไม่ดีกว่าเหรอไม่มาหาแกแบบนี้หรอก”
ดูเหมือนชายอาหรับจะไม่เข้าใจภาษาไทยที่สองสาวกระซิบกระซาบกัน เขานั่งนิ่งๆ
แต่สายตามองไปรอบๆ เหมือนถูกใจที่ได้เห็นสภาพที่พักเธอเป็นแบบนี้
“ขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ คาร์ดัล
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมประทับใจการบริการของคุณอารยาเป็นอย่างยิ่ง
คุณมีความรู้และความสามารถในวิชาชีพของคุณอย่างท่องแท้ และจากที่ผมสืบประวัติของคุณมา
คุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ ‘ท่าน’ ต้องการ
ผมในฐานะตัวแทนของ ‘ท่าน’ มีความสนใจจะเชิญคุณอารยาไปทำงานเป็นพยาบาลพิเศษให้
‘ท่าน’ ที่เมือง
เอล บาฮา ประเทศบาฮาเนีย ”
เปรมวดีอ้าปากค้างแต่อารยายังคงสงบนิ่งแม้ว่าจะประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินก็ตามที
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด เธอแทบไม่เคยได้ยินชื่อประเทศอะไรที่เขาเอ่ยมาเลยสักนิด
“คุณสืบประวัติดิฉัน” อารยาทำเสียงสูงไม่ค่อยพอใจนัก “ดิฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเท่าไหร่นัก
แล้ว ‘ท่าน’ ของคุณเป็นใครกันค่ะ”
“ท่านเป็นนายเหนือหัวของผม
ตอนนี้ ‘ท่าน’ ป่วยเกี่ยวกับหมอนกระดูก
ผมเคยได้ยินมาว่าการนวดแผนโบราณอย่างถูกวิธีจะสามารถบำบัดอาการเจ็บปวดจากโรคนี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
และถ้าข้อมูลที่ผมได้รับมาไม่ผิดพลาดคุณเองก็พยายามจะเสนอทฤษฎีนี้แก่โรงพยาบาลที่คุณทำงานอยู่
แต่ถูกปฎิเสธจนคุณต้องมาทำงานที่อนามัยแห่งนี้ แต่ที่ต้องไปทำงานที่สปาของคุณเปรมวดีเพราะต้องการนำเงินมารักษาแม่บุญธรรมใช่มั๊ยครับ”
ดวงตากลมโตของอารยาเบิกโตอย่างตกใจ
ไม่คิดว่าเขาจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเธอได้มากขนาดนี้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน
“ผมมีค่าตอบแทนให้อย่างงามหากคุณอารายายอมไปดูแล ‘ท่าน’ ให้ผม
ค่าตอบแทนที่คุณจะได้รับมันมากพอที่จะรักษาแม่บุญธรรมของคุณได้สบายๆ เลยทีเดียว ผมสามารถมอบเงินสดให้คุณได้ในทันทีที่คุณตกลงใจไปทำงานกับผมที่บาฮาเนีย”
ทั้งเปรมวดีและอารยามองหน้ากันอย่างงุนงง ค่าแรงที่มากพอสำหรับเป็นค่ารักษาให้แม่บุญธรรมได้นั้น
มันช่างมากจนน่าตกใจเสียจริง
อารยาลังเล ระหว่างคำสอนที่ว่า ‘ต้องรักศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่าชีวิตตัวเอง’ กับ ‘ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ’ อย่างไหนจะสำคัญกว่ากัน.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น