ลิขิตรักในเพลิงทราย (ชุดเล่ห์รักในรอยทราย)
บทที่ 1
ทั้งที่ยืนอยู่ในอาคารขาเข้าของสนามบิน อารยากลับรู้สึกได้กลิ่นลมทะเลทราย
หญิงสาวหันซ้ายแลขวาไม่มองหาคนที่จะมารับเธอแต่ดวงตาสีดำดุจนิลกลับมองหาที่มาของกลิ่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เดินทางมาต่างประเทศและเป็นครั้งแรกที่มาเยือนดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลทราย
แต่เธอแปลกใจที่ตัวเองมั่นใจว่าสิ่งที่สัมผัสได้คือสายลมแห่งทะเลทรายทั้งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เธอเดินวนไปมาเหมือนเด็กหลงทางแล้วร่างบางก็ต้องสะดุ้งเมื่อแขนเล็กถูกจับเบาๆ
อารยาหันไปทันทีเธอจ้องมองชาย
ร่างสูงใหญ่ในชุดดำทั้งชุดอายุราวสามสิบห้าปี
แม้ริมฝีปากจะกระตุกยิ้มน้อยๆ แต่เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง
หญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังแต่มือใหญ่ยังคงจับแขนเอาไว้
แม้เขาจะออกแรงไม่มากแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าน้ำหนักมือเขามากพอดู “คุณอารยา
ดีเรือก...ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขาพับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมายื่นให้เธอดู
อารยารับมาดูอย่างหวาดๆ กระดาษแผ่นนี้นอกจากจะมีรูปถ่ายของเธอแล้วยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอและตำแหน่งหน้าที่ที่ทำให้เธอต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่
“ผมชื่อกีวอน ท่านคาร์ดัลให้ผมมารับคุณอารยาครับ”
“สวัสดีค่ะ” อารยายกมือไหว้แบบไทยๆ
ทำให้อีกฝ่ายทำหน้างงๆ “ขอโทษที่แสดงกิริยาไม่สุภาพออกไป
ดิฉันตกใจค่ะ” เธอตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษ
แล้วยิ้มอย่างโล่งอก อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับและช่วยเธอถือกระเป๋าเดินทางไปที่รถลีมูซีนที่จอดคอยอยู่
หญิงสาวนั่งชิดกระจกรถพยายามองสองข้างทางของเมืองบาฮาเนีย
ทั้งตื่นเต้นที่ได้นั่งรถหรู และยังได้เห็นบ้านเมืองที่แตกต่างไปจากบ้านเกิด
“จะเปิดกระจกก็ได้นะครับ” กีวอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ความจริงเขากลั้นหัวเราะ ไม่คิดว่าเธอจะแสดงสีหน้าและตื่นเต้นออกมาชัดขนาดนี้
“ได้หรือคะ” อารยายิ้มกว้าง
กีวอนกดปุ่มอัตโนมัติกระจกเลื่อนลงจนสุดปล่อยให้สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว
“นี่เป็นเมืองหลวงของบาฮาเนียชื่อ
เอล บาฮา” กีวอนอธิบาย “ผู้หญิงแห่งทะเลทรายจะต้องมีผ้าคลุมหน้า
ตั้งแต่บาฮาเนียนเปิดประเทศทำธุรกิจกับต่างชาติมากขึ้น เราก็ไม่ค่อยเคร่งครัดนัก
แต่ถ้าเป็นไปได้คุณอารยาก็ควรจะมีผ้าคลุมหน้าของตัวเอง”
“ค่ะดิฉันเข้าใจ” อารยาตอบทั้งที่สายตายังมองไปที่สองข้างทางที่รถแล่นผ่าน
“ไม่เห็นทะเลทรายเลย เอ่อ...คือดิฉันอ่านในคู่มือว่าบาฮาเนียเป็นเมืองที่อยู่กลางทะเล”
กีวอนหัวเราะเปิดเผย
แต่ก็ยังไม่ทิ้งมาดเข้มของตัวเอง “ทะเลทรายอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปประมาณ
ร้อยยี่สิบเจ็ดกิโลเมตร คุณอารยาไม่ต้องห่วงยังไงคุณต้องได้เห็นทะเลทรายแน่ๆ
หรือบางทีคุณอาจจะไม่อยากนึกถึงมันเลยก็ได้”
“เป็นเมืองที่ดูสงบและเรียบง่ายจังเลยนะคะ”
“แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละครับ” กีวอนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดมากกว่าปกติ “คุณอาจต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อยกว่าจะรับความเป็นเมืองแห่งทะเลทรายนี้ได้”
‘จะปรับตัวได้หรือไม่ได้
ยังไงฉันก็ต้องอยู่ที่นี้สองปี หรือไม่ก็หาเงินสองล้านไปคืนคุณคาร์ดัล’
อารยาแอบถอนหายใจเบา ๆ
เธอมาทำงานใช้หนี้เงินสองล้านที่จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่บุญธรรมของเธอ หญิงสาวทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
แต่เธอเคยเรียนการนวดแผนไทยจับเส้นคลายจุด เธอเชื่อว่าภูมิปัญญาชาวบ้านเหล่านี้จะนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่เธอทำอยู่ได้
แต่มันกลายเป็นว่าโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ไม่ยอมรับความคิดของเธอ และยิ่งรู้ว่าเธอไปบีบนวดจับเส้นให้ชาวบ้านที่ยากจนในวันหยุดของเธอ
อารยาไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอายตรงไหน และยิ่งไม่เห็นว่ามันทำลายภาพพจน์ของโรงพยาบาลได้อย่างไร
เธอกลับโดนบีบบังคับแทบทุกทางจนเธอต้องเป็นฝ่ายยื่นใบลาออก จนต้องระเห็จมาทำงานที่อนามัยเล็กๆของชุมชนที่เธออยู่
จากเงินเดือนหลักหมื่นเหลือหลักพัน แต่เพราะมีรายได้จากการนวดแผนโบราณที่เธอได้เรียนรู้มานั้นแหละที่เพิ่มรายได้ให้เธออีกทางหนึ่ง
แต่อะไรก็ไม่ทำให้เธอลำบากใจเท่ากับที่ถูกเรียกว่า ‘หมอนวด’ แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ใช่คนชอบดูถูกดูแคลนคนอื่น
แต่เธอก็ไม่ชอบใจที่บางครั้ง คนบางคนก็มีความคิดต่ำ ๆ ว่าเธอใช้ร่างกายเข้าแลกเงิน
‘ถ้าฉันสวยจริง
ๆ คงไปเป็นดารานางแบบแล้วละ’
อารยานึกขำความคิดของตัวเอง เธอย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อน
เธอเข้ากรุงเทพในเย็นวันศุกร์และพักกับเพื่อนไม่ไกลจากที่ทำงานนัก เพื่อนของเธอเปิดร้านสปาและมีบริการนวดแผนโบราณ
อารยาจะทำงานพิเศษที่นี่อาทิตย์ละสองวัน ในบ่ายวันเสาร์วันนั้นชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานพูดภาษาอังกฤษแต่สำเนียงแปร่งหูเหมือนชาวอาหรับ
ไม่มีพนักงานกล้าตอนรับนัก ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษไม่คล่องแต่เพราะชายคนนี้มีบอดี้การ์ดมาร่างใหญ่เหมือนยักษ์วัดแจ้งมายืนคุ้มกันถึงหกคน
“ยาจ๋าช่วยไปดูหน่อยซิ” เปรมวดี
หรือ แป๋ม เพื่อนสนิทของเธอเข้ามาขอร้อง
“ไม่เป็นไร
ยาไปเอง” อารยายิ้มรับไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไรอาจเพราะเคยชินกับลูกค้าวีไอพีที่เคยมารักษาตัวที่โรงพยาบาล
อารยาในชุดไทยมิดชิดเดินเข้าไปห้องพิเศษ
แอบกลั้นหัวเราะที่เห็นบอดี้การ์ดหกคนยืนคุ้มกันเจ้านายที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอนเตี้ยๆ
ห้องนี้เป็นห้องที่เปิดโล่งมองเห็นน้ำตกจำลองใกล้ๆ
และต้นไม้สีเขียวขจีที่ถูกจัดให้เป็นสวยย่อมน่ารัก
“ขออนุญาตนะคะ”
อารยายกมือไหว้ก่อนที่จะลงมือกดจุดตามที่ร่ำเรียนมา
กล้ามเนื้อที่ไม่เคยถูกบีบนวดหรือกล้ามเนื้อที่มีความเครียดสะสมสูงจะแข็งและเกร็งมากทำมือเล็กต้องออกแรงมากกว่าปกติ ขณะที่ไล่นิ้วมือไปตามแผ่นหลัง
เธอก็เห็นรอยแผลเป็นหลายแห่ง
เธอไม่ได้รู้สึกหวาดหลัวหรือขยะแขยงแผลเหล่านั้น แต่บรรจงคลึงเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
“สงสารฉันหรือไง”
“เอ๊ะ!” อารยาสะดุ้งกับคำถาม “ท่านว่าอะไรนะคะ”
“สำเนียงอังกฤษเธอดีเหมือนกันนี่”
“เอ่อ...ขอบคุณคะ”
อารยาไม่ค่อยชอบคุยกับลูกค้านัก เปรมวดีบอกว่าเขาลูกค้าต้องการนวดคลายเครียดหนึ่งชั่วโมง
แต่เธอดูว่า...อาการเครียดสะสมของเขาน่าจะสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าจะให้ดีต้องใช้เท้าเหยียบด้วย
แต่ก็นั้นแหละ! ขนาดว่าคนไทยด้วยกันเอง
บางทีก็ถือเรื่องใช้เท้านวดแทนมือโดยเฉพาะผู้ชาย
“ถ้ามีเวลาท่านน่าจะนวดต่ออีกสักชั่วโมงนะคะ โดยเฉพาะที่ฝ่าเท้า” อารยาแจ้งให้ลูกค้าทราบ
“หึ หึ ถ้าอยากได้เงินเพิ่มก็บอกตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีหรอก”.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น